พรรคการเมืองที่มีทหารหนุนหลัง ยังคงแทรกแซงการเมืองไทยต่อไป
2024.09.13
กลุ่มชนชั้นนำฝ่ายทหารและกลุ่มกษัตริย์นิยมของไทยยังคงแทรกแซงการเมืองผ่านการควบคุมตุลาการและองค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และมีคำสั่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับข้อร้องเรียนว่าพรรคเพื่อไทยที่ครองอำนาจอยู่นั้นอยู่ภายใต้ "การควบคุม" ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลสั่งห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณะหรือไม่
องค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเหล่านี้ได้กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากกว่าเดิมต่อพรรคการเมืองที่ถูกชักใยโดยกลุ่มชนชั้นนำ
ผลประโยชน์ทหารถูกผลักดันผ่านพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งนำโดย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร เคยรับบทบาทเป็นผู้นำพรรค
แต่ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์กันเองทำให้พรรคพลังประชารัฐแตกแยก ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติก็เข้าขั้นวิกฤต เรื่องนี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับทั้งสองพรรคระหว่างนี้จนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ที่ต้องมีขึ้นในเดือนมิถุนายน 2570
พรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากทหารทั้งสองพรรคพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 แม้จะมีผลงานที่ย่ำแย่ แต่ทั้งสองพรรคก็แย่งชิงส่วนแบ่งในคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีเศรษฐาไปอย่างไม่สมส่วน โดยได้ที่นั่งในฝั่งรัฐบาลไป 6 ตำแหน่ง รวมถึงรองนายกรัฐมนตรี 2 ตำแหน่ง
พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถไปต่อในเส้นทางการเมืองด้วยข้อตกลงทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ที่พวกเขาทำไว้กับพรรคเพื่อไทยเมื่อปีที่แล้ว ช่วงที่มีผู้นำเป็นนายเศรษฐา ซึ่งในตอนนี้พรรคเพื่อไทยเพิ่งจัดตั้งและกำลังนำรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากที่ผู้นำพรรคคนก่อนถูกให้ออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้รัฐสภาขัดขวางไม่ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล และอนุญาตให้ทักษิณเดินทางกลับจากการลี้ภัย นอกจากนี้ยังให้ที่นั่งในคณะรัฐมนตรีแก่พรรคทั้งสองเพื่อให้แน่ใจว่า นโยบายของรัฐบาลจะไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของกองทัพ
แต่เกมการเมืองได้เข้ามาขัดขวาง
ความทะเยอทะยานที่ล้มเหลว
เชื่อกันว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่เบื้องหลังการร้องเรียนเรื่องจริยธรรมที่นำไปสู่การล้มรัฐบาลของเศรษฐา คำร้องเรียนดังกล่าวถูกยื่นโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพ ซึ่งหลายคนได้รับการคัดเลือกจากพลเอก ประวิตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก
เมื่อพิจารณาจากกฎการเลือกตั้งของไทย มีผู้สมัครเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรี และมีสามคนที่ถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว พลเอก ประวิตร ดูเหมือนจะวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้สมัครที่เต็มไปด้วยความประนีประนอม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการปล่อยคลิปเสียงที่อ้างว่า พลเอก ประวิตร ตัดพ้อว่าเขาควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่เป็นเบอร์สองที่จงรักภักดีมาหลายปี โดยคลิปหลุดดังกล่าวได้กลายเป็นไวรัล และขณะนี้คลิปเสียงดังกล่าวถูกนำมาอภิปรายในรัฐสภา
นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญบังคับให้เศรษฐาลาออกเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ความขัดแย้งภายในพรรคก็กลายเป็นเรื่องที่เกินเยียวยา โดยสมาชิกครึ่งหนึ่งของพรรคกังวลว่าการแทรกแซงของ พลเอก ประวิตร อาจทำให้พวกเขาได้รับความเสียหาย
น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของพรรคเพื่อไทย ปลดพรรคพลังประชารัฐออกจากฝั่งรัฐบาล ซึ่งขณะนี้พรรคการเมืองได้จัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค ที่มีลักษณะคล่องตัวมากขึ้น
ในขณะเดียวกันนายธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งถูกศาลออสเตรเลียตัดสินว่ามีความผิดฐานลักลอบขนยาเสพติด ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และสมาชิกพรรคอีก 5 คน ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร
เมื่อวันที่ 6 กันยายน สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่เหลือได้เลือกนายประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง แต่ด้วยสมาชิกพรรคเพียง 20 คน ที่ได้รับที่นั่งเนื่องจากการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอื้อประโยชน์ทางการเมือง ทำให้ตอนนี้พรรคของพล.อ. ประวิตร กลายเป็นพรรคฝ่ายค้านเล็ก ๆ ที่ไร้ความสำคัญ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งใหม่ ได้ขู่ว่าจะตอบโต้ธรรมนัส ซึ่งสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ 20 คน ของเขา ได้เข้าร่วมรัฐบาลผสมของ น.ส. แพทองธาร
จนถึงตอนนี้ พวกเขายังคงอยู่ในพรรคเพื่อไม่ให้ต้องสละที่นั่งในสภา แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่มของธรรมนัสจะลงเอยที่ไหน พวกเขาอาจจะตั้งพรรคการเมืองใหม่เป็นของตนเอง หรืออาจจะไปรวมเข้ากับพรรคอื่น
ความขัดแย้งกันเองภายในพรรคนี้ทำให้สมาชิกพรรคหลักลาออก และนำไปสู่การอพยพของสมาชิกพรรคคนสำคัญ รวมถึงสมาชิกที่เป็นคนสำคัญทางการเมืองจากตระกูลดังของโคราชและยะลา ส่วนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ คนอื่น ๆ กำลังมองหาทางออก คำถามที่ตามมาคือ พวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน
พรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะอยากรวมสมาชิกจากพลังประชารัฐ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคตนเอง เนื่องจากการควบรวมเป็นหนึ่งในเส้นทางเดียวที่จะทำให้พรรคเติบโตต่อไปได้
ประยุทธ์กับการออกจากเส้นทางการเมือง
ในส่วนของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี และเกษียณจากเกมการเมืองไปแล้ว ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2557-2566 เขาเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีไปทั่วประเทศ แม้ว่าประชาชนจะเบื่อหน่ายกับการมี “ลุงตู่” เป็นนายก และนโยบายของเขาก็ตาม
พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ผู้นำพรรครวมไทยสร้างชาติ คนปัจจุบัน เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่เก่งกาจ แต่ขาดเสน่ห์ดึงดูด
พรรครวมไทยสร้างชาติ และกลุ่มของธรรมนัสยังคงมีเสียงที่ไม่สมดุลในรัฐบาลของแพทองธาร โดยครองที่นั่งในคณะรัฐมนตรีประมาณ 20% จากทั้งหมด 35 ที่นั่ง รวมถึงกระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอีก 4 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มชนชั้นนำฝ่ายทหารและกลุ่มกษัตริย์นิยมกลับมีความขัดแย้งและขาดความเชื่อมโยงกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งของไทยมากขึ้น ขณะที่ฐานเสียงที่มาจากกลุ่มผู้สูงวัยของพรรคกำลังลดน้อยลง ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถเพิ่มการสนับสนุนจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธที่จะสนับสนุนการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพและหันไปสนับสนุนพรรคประชาชน
พรรคอื่น ๆ ก็อาจจะพยายามเรียกคะแนนมาได้บ้างบางส่วน พรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคที่เป็นที่รู้กันดีว่าได้รับการสนับสนุนมาจากราชวงศ์ไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่เป็นอันดับสามในรัฐสภาด้วย 70 ที่นั่ง อาจดึงความสนใจได้จากคนบางกลุ่ม แต่แนวนโยบายที่สนับสนุนกัญชาและเน้นภูมิภาคของพวกเขา อาจทำให้คนอื่นรู้สึกว่าถูกมองข้ามไป
พรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง หลังจากเข้าร่วมรัฐบาลของแพทองธาร โดยได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีสองตำแหน่ง แต่ประชาธิปัตย์มีปัญหาพื้นฐานคือ ไม่มีใครรู้ว่าจุดยืนของพวกเขาอยู่ตรงไหน นับตั้งแต่ที่พวกเขาสนับสนุนให้เกิดการทำรัฐประหารโดยกองทัพในปี 2557 ซึ่งโค่นล้มรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นอาของแพทองธาร
พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย กลายเป็นพรรคการเมืองระดับภูมิภาคเล็ก ๆ ที่ได้รับคะแนนเสียงเพียง 2.29% ในช่วงการเลือกตั้งเมื่อปี 2566
และนั่นเป็นลางบอกเหตุที่ไม่ดีสำหรับประชาธิปัตย์ เนื่องจากพรรคมีนโยบายที่ล้าสมัยและโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป คาดว่าพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพจะทำผลงานได้ไม่ดีในการเลือกตั้ง พวกเขาได้ประโยชน์จากการคำนวณของพรรคเพื่อไทยว่า การให้พวกเขาอยู่ในรัฐบาลผสมนั้นเป็นประโยชน์ทางการเมือง
แต่การวางแผนของ พล.อ. ประวิตร กลับละเมิดข้อตกลงอันยิ่งใหญ่นั้น และทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่ากองทัพไม่ควรไว้วางใจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
ด้วยโอกาสเพียงเล็กน้อยในการเลือกตั้ง ชนชั้นนำฝ่ายทหารและกลุ่มกษัตริย์นิยม จะยังคงแทรกแซงการเมืองผ่านการควบคุมองค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งต่อไป ปัจจุบันมีการร้องเรียนทางกฎหมายและจริยธรรมต่อพรรคเพื่อไทยแล้ว 11 เรื่อง ซึ่งจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ซาคารี อาบูซา เป็นอาจารย์ประจำที่เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ และอาจารย์พิเศษ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ความคิดเห็นที่แสดงไว้ในบทความนี้เป็นของผู้เขียนเอง และไม่ได้สะท้อนถึงจุดยืนของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ หรือ เบนาร์นิวส์