จีนกดดันไทยให้จัดการแหล่งสแกมเซ็นเตอร์แนวชายแดน
2025.02.17
นายหวัง ซิง (Wang Xing) นักแสดงชาวจีนบินมาที่กรุงเทพมหานครด้วยความหวังที่ว่า เขาจะได้แคสติ้งบทนักแสดงในประเทศไทย แต่กลับถูกลักพาตัวและถูกส่งตัวข้ามพรมแดนไปยังประเทศเมียนมาเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่เนื่องด้วยแฟนสาวของเขานำเรื่องนี้ไปโพสต์ในเว๋ยโป่ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ยอดนิยมของจีน และครอบครัวได้ส่งเรื่องไปยังทางการจีน ทำให้เขาได้รับความช่วยเหลือออกมา
จากเหตุนี้เอง จีนจึงส่งสัญญาณกดดันทางการไทยให้เร่งดำเนินการจัดการปัญหานี้ โดยสื่อจีนที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีนมุ่งเป้าไปที่แหล่งสแกมเซ็นเตอร์ และสถานการณ์ความไร้หลักการด้านกฎหมายของไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล
เจ้าหน้าที่ไทยรับลูกต่ออย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเพียง 4 วัน นายหวังก็ได้รับการช่วยเหลืออออกมาได้สำเร็จ จึงดูคล้ายกับว่า รัฐบาลไทยมีอิทธิพลในการควบคุมและแทรกแซงเหล่าสแกมเซ็นเตอร์มากกว่าที่เคยแสดงออกในช่วงเวลาที่ผ่านมา
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อสานสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปี และได้ให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลไทยจะทำงานเต็มที่เพื่อกวาดล้างบรรดาแหล่งแสกมเซ็นเตอร์ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็เน้นย้ำว่า การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเป็น “วาระสำคัญของประเทศ” นับว่าเป็นครั้งแรก ที่ผู้นำของไทยประกาศอย่างชัดเจนว่าฐานแสกมเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่บริเวณแนวชายแดนเมียนมาเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย
หลังจากนั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของประเทศไทย (กฟภ.) ได้ดำเนินการหยุดส่งกระแสไฟฟ้าไปยังเคเคพาร์ค และฐานอื่น ๆ อีก 4 จุดในบริเวณเดียวกัน สังคมจึงมีสิทธิที่จะสงสัยว่าทางการไทยมีจุดประสงค์ซ่อนเร้นอย่างไรในการร่วมมือดำเนินการตัดไฟฟ้าครั้งนี้ เนื่องจากนี่เป็นประเด็นที่ค่อนข้างคุ้นเคยกันดี
นับตั้งแต่ที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านของเมียนมาได้เข้ายึดพื้นที่เมืองชายแดนจีน พวกเขาก็ได้ดำเนินการปิดแหล่งแสกมเซ็นเตอร์และร่วมมือกับฝ่ายบังคับใช้กฎหมายตามแนวทางของทางการจีน ส่งผลให้ชาวจีนนับร้อยคนถูกส่งตัวกลับประเทศ รวมไปถึงผู้ต้องสงสัยระดับบงการที่ทางการจีนต้องการตัว
นี่จึงเป็นเหตุให้เหล่าขบวนการสแกมเมอร์ต้องโยกย้ายฐานปฏิบัติการจากชายแดนจีน และหลั่งไหล มายังเขตชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณเมียวดี-แม่สอด ซึ่งมีเพียงแม่น้ำเมยที่ทั้งแคบและตื้นเป็นเส้นแบ่งพรมแดน โดยกลุ่มแสกมเมอร์เหล่านี้ใช้กระแสไฟฟ้ารวมถึงอินเทอร์เน็ตจากประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปี

ประเทศไทยเคยดำเนินการหยุดส่งกระแสไฟฟ้าในช่วงสั้น ๆ ในช่วงกลางปี 2566 แต่นั่นก็หลังจากที่ส่งสัญญาณให้ฐานชายแดนเหล่านี้มีเวลาซื้อเครื่องปั่นไฟฟ้าดีเซล ยิ่งไปกว่านั้นการดำเนินการตัดไฟฟ้าต้องล้มเลิกไปในไม่กี่สัปดาห์ หลังจากเมืองชเวโก๊กโก ซึ่งเป็นศูนย์รวมบ่อนและแสกมเซ็นเตอร์ได้เซ็นซื้อขายพลังงานไฟฟ้าถึง 8,000 กิโลวัตต์กับคู่ค้าชาวไทย ไฟฟ้าทั่วเมืองจึงสว่างจ้าอีกครั้ง
ปัจจุบัน พื้นที่ชายแดนกว่า 20 แห่งยังคงมีไฟฟ้าใช้ อีกทั้ง บริการอินเทอร์เน็ต สตาร์ลิงก์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ก็นับเป็นแผนสำรองของศูนย์แสกมเซ็นเตอร์ หากต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมต่อ
นี่จึงชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทยจำนวนมากได้ประโยชน์จากข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว
ถึงแม้ว่าไทยจะตัดขาดไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปยังแสกมเซ็นเตอร์เหล่านี้ แต่คอนกรีตและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงอาหาร เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างและหล่อเลี้ยงศูนย์แสกมเซ็นเตอร์ที่ทำกำไรมหาศาล ล้วนถูกส่งมาจากประเทศไทยทั้งหมด
ดูเหมือนว่าประเทศไทยกำลังดำเนินงานภายใต้ความกดดัน เห็นได้จากการที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีนได้เดินทางไปเยือนแม่สอดในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่นานนักหลังจากที่นายกรัฐมนตรีแพทองธารเดินทางเยือนจีน สะท้อนให้เห็นว่าทางการจีนจะไม่ยอมรับการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปของไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลเมียนมาปิดเส้นทางขนส่งน้ำมัน เข้าแหล่งสแกมเซ็นเตอร์ทางชายแดนเมียวดี
ภูมิธรรม ลงพื้นที่แม่สอด รับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ 61 คน กลับจากเมียนมา
กฟภ. ตัดไฟฟ้าสแกมเซ็นเตอร์เมียนมาแล้ว 5 จุด
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงว่า พวกเขากำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 5 รายที่ประจำการในจังหวัดตาก หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ที่มียศถึงพลตำรวจตรี ที่พบว่ามีฐานะมั่งคั่งผิดปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 รายนี้ ได้ถูกสั่งย้ายไปที่กรุงเทพฯ เพื่อรอการสืบสวนต่อไป
ในวันเดียวกัน กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA (the Democratic Karen Buddhist Army) ซึ่งเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดนที่ฝักใฝ่รัฐบาลทหารเมียนมาได้ส่งตัวเหยื่อชาวต่างชาติ 261 ราย จากประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ กลับไปยังประเทศไทย
แม้ภาพเหยื่อที่ถูกส่งกลับมาไทยที่อัดแน่นอยู่ภายในเรือจะดูสะดุดตา แต่นี่เป็นเพียงพวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น เพราะยังมีเหยื่อที่ถูกล่อลวงอีกกว่า 17,000 ราย ยังติดอยู่ในแหล่งแสกมเซ็นเตอร์ฝั่งเมียนมา
กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตยอ้างว่า พวกเขาจะส่งตัวแรงงานต่างชาติราว 8,000 ราย ออกจากแสกมเซ็นเตอร์ ทว่า ในความเป็นจริง เหล่าขบวนการสแกมเมอร์จะยังคงดำเนินการล่อลวงค้ามนุษย์เพื่อมาทำงานในแสกมเซ็นเตอร์ต่อไป เพื่อทดแทนเหยื่อที่ถูกช่วยเหลือออกไป

เราอาจสังเกตสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกว่าทางการไทยได้เร่งตอบสนองแรงกดดันจากทางการจีน จากเหตุการณ์ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมของไทยประกาศว่า กำลังดำเนินการออกหมายจับ ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารเมียนมาและเป็นผู้สร้างเมือง ชเวโก๊กโก รวมถึงผู้นำกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตยอีก 2 ราย บางกอกโพสต์รายงานว่า อาจจะมีการออกหมายจับในสัปดาห์หน้า
ถึงแม้ทางการไทยจะคาดหวังความร่วมมือจากรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน ทว่า ซอว์ ชิต ตูได้จัดหาแหล่งรายได้สำคัญจากศูนย์กลางของการพนันออนไลน์และอาชญากรรมข้ามชาติให้กับรัฐบาลเผด็จการ ที่ในเวลานี้ต้องปกครองประเทศท่ามกลางระบบเศรษฐกิจแบบชอบด้วยกฎหมายที่กำลังจะล่มสลาย
ตั้งแต่ที่เขาประกาศแยกตัวออกจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union: KNU) ในปี 2537 และเข้าร่วมข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์ในปี 2537 ซอว์ ชิต ตูได้ผนึกสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับกองทัพทหารเมียนมาและปกครองเมืองชเวโก๊กโกอย่างมีอิสระเสรี
รัฐบาลทหารเมียนมาถูกกดดันจากทางการจีนให้เร่งจัดการแหล่งสแกมเซ็นเตอร์อย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน ทำให้พวกเขาจำต้องยอมส่งตัว ซอว์ ชิต ตู เนื่องจากยังต้องพึ่งพากำลังทหาร พึ่งพิงทางเศรษฐกิจและการทูตกับประเทศจีน
รัฐบาลทหารเมียนมาจึงแสดงท่าทีให้ความร่วมมือเล็กน้อยในสัปดาห์นี้ โดยการสั่งห้ามไม่ให้มีการขนส่งเชื้อเพลิงดีเซลเข้าไปที่แสกมเซ็นเตอร์ชั่วคราว แต่การดำเนินการดังกล่าวยังไม่เพียงพอในสายตาของรัฐบาลจีน

คำถามสำคัญของประเด็นนี้คือ ความร่วมมือในการจัดการขบวนการสแกมเมอร์ของรัฐบาลไทยจะมีความยั่งยืนหรือไม่
ภายหลังวิกฤตการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่า คู่แข่งในกลุ่มประเทศอาเซียนหลายประเทศ อัตราความเหลื่อมล้ำของประชากรพุ่งสูงขึ้นจากอัตราที่สูงอยู่เป็นทุนเดิม ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 2.8 ไปจนถึง 2.9 ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม
นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังพึ่งพิงประเทศจีนอยู่มากอย่างมิได้คาดหมาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมากที่สุด ซ้ำยังเป็นแหล่งลงทุนลำดับต้น ๆ ของนักลงทุนชาวจีนที่มาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566
นักลงทุนจีนยังครอบครองตลาดการผลิตเสียเป็นส่วนใหญ่ และชาวจีนเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยรายใหญ่ที่สุดในบรรดากลุ่มชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเมนต์ในกรุงเทพมหานคร หรือรีสอร์ทริมทะเลที่จังหวัดภูเก็ต
การเลือกตั้งในประเทศไทยกำลังจะถูกจัดขึ้นในช่วงกลางปี 2568 ดังนั้น นายกแพทองธารจึงจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต หากเธอล้มเหลว รัฐบาลพันธมิตรของพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่จะแตกสลายไปก่อนที่แต่ละพรรคการเมืองต่าง ๆ จะเริ่มวางแผนกลยุทธ์การเลือกตั้งเสียด้วยซ้ำ
ถัดไปจากกรณีซอว์ ชิต ตู การส่งตัวนายเสอ จื้อเจียง (She Zhijiang) ประธานบริษัทหยาไถ่ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Yatai International Holding Group) ผู้ที่ทำงานเป็นคู่หูกับซอว์ ชิต ตู ในการบริหารธุรกิจ ณ เมืองชเวโก๊กโก อาจเป็นบททดสอบความร่วมมือระหว่างทางการไทยและจีน
นายเสอคือนักธุรกิจชาวจีนที่ได้รับสัญชาติกัมพูชา และถูกตำรวจไทยจับกุมตัวในกรุงเทพมหานครเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 จากหมายจับจากรัฐบาลจีน โดยเขาได้พยายามต่อสู้ไม่ให้ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน
ทางการจีนอ้างหลักฐาน “ชี้ขาด” ว่านายเสอเป็น “ตัวการสำคัญเบื้องหลังการพนันออนไลน์และมิจฉาชีพที่ใช้บริการทางโทรศัพท์เพื่อก่ออาชญากรรม” และเขามีพันธมิตรในกรุงเทพมหานครมากพอที่ไม่เชื่อมั่นในหลักฐานดังกล่าว
ท้ายที่สุดแล้วจึงนำไปสู่คำถามที่ว่า ไทยจะโอนอ่อนต่อกระแสแรงกดดันหรือไม่
ซาคารี อาบูซา เป็นอาจารย์ประจำที่เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ และอาจารย์พิเศษ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ความคิดเห็นที่แสดงไว้ในบทความนี้เป็นของผู้เขียนเอง และไม่ได้สะท้อนถึงจุดยืนของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ หรือ เบนาร์นิวส์