ทางการไทยปล่อยตัว “หะยี สะมะแอ ท่าน้ำ”

โดย นาซือเราะ
2015.07.17
150717-TH-PULO-620 แฟ้มภาพนายสะมะแอ สะอะ อดีตฝ่ายคุมกำลังขบวนการแบ่งแยกดินแดนพูโล
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2558 นี้ ทางการไทยได้ปล่อยตัวนายสะมะแอ สะอะ หรือที่รู้จักกันในนามว่า หะยะ สะมะแอ ท่าน้ำ อดีตหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนพูโล (Patani United Liberation Organization - PULO) ออกจากเรือนจำกลางจังหวัดยะลา หลังจากที่โดนจำคุกมาเป็นเวลา 17 ปี ในข้อหาเป็นกบฏแบ่งแยกราชอาณาจักร

ในการปล่อยตัว นายสะมะแอ อายุ 61 ปี ที่หน้าเรือนจำกลางยะลา ในวันนี้ ได้มีนางมารียะ เจ๊ะมิง ภรรยา ของนายสะมะแอ พร้อมด้วยบุตรชาย และ ผู้นำศาสนา จากจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางมารับตัวนายสะมะแอ กลับบ้าน ที่ ตำบลท่าน้ำ อำเภอปานาเระ จังหวัดปัตตานี ก่อนจะเดินทางไปรัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซียต่อไป โดยมีนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการองค์การบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มาร่วมปล่อยตัว นายสะมะแอด้วย

พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน. ภาค4 ส่วนหน้า ได้กล่าวอธิบายถึงการปล่อยตัว นายหะยี สะมาแอ ท่าน้ำ ว่า “เป็นกรณีของการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ หลังรับโทษ 17 ปี และถือเป็นนักโทษชั้นดี โดยพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ โดยมีหลักเกณฑ์ว่า จะต้องรายงานตัวทุกเดือน ในระยะเวลาโทษที่เหลืออีก 10  ปี พร้อมเชื่อว่าการพักโทษ นายสะมะแอ ท่าน้ำ ครั้งนึ้ จะส่งผลดีต่อการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ เพราะถือว่าเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อการอำนวยความยุติธรรมของรัฐ”

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2541 ศาลอาญา ได้มีการพิพากษาจำเลยสี่ราย ในคดีเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดนและคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งนายสะมะแอ สะอะ ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในข้อหาเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน ในระหว่างการถูกจองจำได้รับการลดโทษ และย้ายสถานที่คุมขังจากเรือนจำในกรุงเทพไปยังเรือนจำในจังหวัดสงขลา และยะลา ตามลำดับ เพื่อความสะดวกของญาติในการเข้าเยี่ยม

เมื่อถูกปล่อยตัว นายสะมะแอ สะอะ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณทางรัฐบาลไทยที่ได้ปล่อยตัวตนออกมา และชื่นชมรัฐบาลที่ได้แสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้

“ก่อนที่จะพูดประเด็นอื่น ขอขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ดำเนินการปล่อยตัวก่อนกำหนด ซึ่งถือว่าเป็นการให้ของขวัญที่มีค่าที่สุดกับครอบครัว และประชาชนบางกลุ่มที่รอคอยการออกมา เพื่อร่วมพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ดีใจอย่างบอกไม่ถูก ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้สามารถออกมาได้จริงในวันนี้ ถือเป็นการแสดงความจริงใจ ระดับหนึ่งของภาครัฐ ที่ได้ทำจริง สามารถออกมาร่วมพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่” นายสะมะแอ กล่าวแก่ ผู้สื่อข่าวของเบนาร์นิวส์

พร้อมสนุบสนุนการพุดคุยเพื่อสันติสุขในฐานะคนนอก

การปล่อยตัวนายสะมะแอ สะอะ เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่อยากเห็นรัฐบาลกระทำ เพื่อแสดงความจริงใจต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข ที่มีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก

นายสะมะแอ กล่าวว่า “..พร้อมจะสนับสนุนการพูดคุยสันติสุขภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีชุดนี้ ไม่ผิดหวังที่มั่นใจมาตลอด รัฐบาลชุดนี้จะคืนความสุขให้กับครอบครัวได้”

“กรณีเจรจาจะไม่ขอเข้าไปเป็นตัวแทนฝ่ายใดในการพูดคุยครั้งนี้ แต่พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเต็มที่ทุกวิธีทาง โดยให้ความช่วยเหลือรอบนอกดีกว่าที่จะเข้าไป เป็นตัวแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะคิดว่าการที่จะเข้าไปเป็นตัวแทนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้น อาจสร้างความลำบากใจในการติดต่อสื่อสาร ในเรื่องของการสร้างกระบวนการสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่เมื่ออยู่ช่วยเหลือรอบนอก สามารถทำได้เต็มที่อย่างไม่ต้องคิดมาก ว่าอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะเป้าหมายสำคัญ สิ่งที่ต้องการคือ ให้พื้นที่สามจังหวัดและสี่อำเภอสงขลา เกิดความสงบสุขและสันติสุข” นายสะมะแอ กล่าวเพิ่มเติม

ชีวิตหลังได้รับอิสรภาพ

นายสะมะแอ กล่าวถึงชีวิตหลังหลุดพ้นการพันธนาการว่า ชีวิตหลังจากนี้ จะขอดูแลศูนย์นิคมอุตสาหกรรมฮาลาลที่ ตำบลน้ำบ่อ อำเภอปานาเระ จังหวัดปัตตานี ซึ่ง นายภานุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.ได้มอบให้ดูแล จึงคิดว่าจะทำให้ดีที่สุด และหลังจากนี้ ก็จะมีการนำผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย มาร่วมลงทุนที่ศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลแห่งนี้ด้วย เพื่อสร้างรายได้และสร้างอาชีพ ให้กับคนในพื้นที่ จนสามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างเป็นลำดับ จึงทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องไปๆมาๆระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย เพื่อไปติดต่อทางธุรกิจ

สำหรับประเด็นสำคัญที่เคยพูดมาตลอดว่า สิ่งสำคัญอันดับแรก ที่จะทำ ถ้าได้ออกไปร่วมพัฒนาประเทศอยู่ข้างนอกเรือนจำ คือ การดูแลกลุ่มเยาวชนในพื้นที่อย่างจริงจัง โดยเฉพาะองค์กร "คณะกรรมการสิริมงคลทั่วประเทศ" ที่ได้วางโครงสร้างองค์กรไว้แล้วว่า มีประธาน รองประธาน ผู้ช่วยสามคน เลขานุการ เหรัญญิก และมีสมาชิกมาจากการแต่งตั้งหรือเลือกตั้งจากทุกฝ่าย ทั้งผู้นำศาสนา นักการเมือง ข้าราชการ ทนายความ นักวิชาการ อดีตผู้นำขบวนการ กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และตัวแทนผู้นำท้องถิ่น รวมแล้วเก้าคน

องค์กรนี้ ตั้งขึ้นเพื่อระดมสมองหาแนวทางแก้ปัญหาและการพัฒนา ในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการเฉพาะ มีนโยบายสำคัญสามด้าน คือ ด้านความสามัคคี ด้านเศรษฐกิจ และด้านกีฬา ศิลปะ และวัฒนธรรม

ลูกชายนายสะมะแอแสดงความดีใจ

ด้านนายไซฟูล สะอะ ลูกชายของนายสะมะแอ สะอะ กล่าวว่า “รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก 17 ปี ที่ได้ต่อสู้ขอความเป็นธรรม ถือว่ารัฐให้ความสำคัญ ขอบคุณที่ปล่อยตัวออกมาจริง ดีใจมาก ชีวิตของพ่อหลังจากนี้ คงจะไปๆ มาๆ ระหว่างที่บ้านท่าน้ำ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี และที่ตรังกานู ประเทศมาเลเซีย คิดว่ายุคนี้เป็นโอกาสสำคัญของกลุ่มที่เคยหลงผิดได้กลับมา ร่วมพัฒนาบ้านเกิด อยากให้ทุกคนเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน เพราะเห็นชัดเจนว่าคนที่หลบหนีอยู่ได้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวน 1,600 กว่า คนแล้ว รัฐสามารถปลดหมายของผู้ที่ติดหมาย พ.ร.ก. ได้ 700 หมาย ถือว่าเป็นการให้โอกาสที่ดี”

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง