เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนคดี ส่งฟ้องผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลพระพรหมสองคน
2015.10.27
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2558 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ได้สรุปสำนวนคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชายต่างชาติสองคน คือ นายไมไรลี่ ยูซูฟู และ นายอาเดม คาราดัก หรือ ไบลาล มูฮัมหมัด โดยได้ส่งมอบให้กับพนักงานอัยการศาลทหาร กรมพระธรรมนูญ ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ให้คดีที่เกี่ยวข้องกับยุทธภัณฑ์ต้องขึ้นศาลทหาร เพื่อให้พิจารณามีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามความผิด
ความผิดของผู้ต้องหาทั้งสองรวม 7 ข้อหา 1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2. ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3. ร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย 4. ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 5. ร่วมกันมีวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต 6. ร่วมกันพกพาอาวุธระเบิดไปในเมือง หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และ 7. ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยคณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน จำนวน 26 แฟ้ม 8000 หน้า
จากเหตุการณ์ระเบิดที่เลวร้ายที่สุด ที่ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ในระหว่างช่วงเวลาที่คนเลิกงานในตอนเย็น บริเวณสี่แยกราชประสงค์ที่มีคนพลุกพล่าน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บอีกร่วม 120 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ชื่อว่า ไมไรลี ยูซูฟู ได้สารภาพว่า เป็นผู้ส่งมอบระเบิดที่อยู่ในกระเป๋าเป้ ให้แก่ชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อสีเหลือง ผู้ซึ่งถูกถ่ายวิดีโอไว้ว่าเป็นผู้วางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม ไม่นานก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น
โดยปัจจุบัน มีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับทั้งสิ้นแล้ว 17 ราย เป็นคนไทย 2 คน และคนต่างชาติ 15 คน ในผู้ต้องหาต่างชาติ 15 คนนั้นถูกจับแล้วสองราย คือ นายไบลาล มูฮัมหมัด ที่ถูกระบุว่าเป็นชายเสื้อเหลือง และนายไมไรลี่ ยูซูฟู
ซึ่งเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การระบุตัวว่านายไบลาล มูฮัมหมัด ยอมรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิด จนกระทั่งตำรวจระบุตัวว่า คือชายเสื้อเหลืองได้นั้น เนื่องจากว่า ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพในภายหลัง หลังจากที่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนาขึ้น
ในวันนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า “สำนวนคดีระเบิดมีความรัดกุมเพียงพอที่สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการแบ่งสำนวนคดีออกเป็น 4 สำนวน ตามท้องที่ที่เกิดเหตุ คือ สน.มีนบุรี สน.หนองจอก สน.ลุมพินี และ สน.ยานนาวา ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหา ยังคงเป็น 7 ข้อกล่าวหาเดิม และยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแต่อย่างใด”
“ซึ่งถ้าหากมีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม ก็จะสรุปรวมเป็นสำนวนคดีเดียวกันทันที โดยไม่จำเป็นต้องแยกสำนวนคดี นอกจากนี้ ยังมีการสรุปสาเหตุของการก่อเหตุ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ พร้อมยืนยันว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน” พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าว