ศอ.บต.หารือร่วมกงสุลไทยในมาเลเซีย แก้ไขปัญหาเด็กไทยไร้สัญชาติ

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.12.20
โกตาบารู มาเลเซีย
Share on WhatsApp
Share on WhatsApp
TH-consul-1000 นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. (สวมเชิ้ตขาวซ้าย) และคณะ เข้าพบนายไพฑูรย์ สงค์แก้ว กงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู (สวมสูท ด้านขวา) ที่สถานกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันอังคาร (20 ธันวาคม 2559) นี้ ตัวแทนเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เดินทางเข้าพบกงสุลใหญ่ประจำเมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายชาวไทยในประเทศมาเลเซีย

นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศ ศอ.บต. นางวิไลเลิศ สิรันทวิเนติ ประธานชมรมแม่บ้าน ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเดินทางเข้าพบ นายไพฑูรย์ สงค์แก้ว กงสุลใหญ่ประจำเมืองโกตาบารู ที่สถานกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาคนไทยที่เข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียแบบผิดกฎหมาย ไม่มีสถานะทางทะเบียน จนทำให้ขาดการเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานต่างๆ

นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต.เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังการหารือว่า แรงงานไทยที่เข้าประเทศมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง บางคนมีคดี พรก. ขณะที่บางคนเพียงเข้าใจว่าตนเองต้องคดี จึงได้หลบหนีมายังประเทศมาเลเซีย ทำให้แรงงานไทยและบุตรหลานของแรงงานกลุ่มนี้ไม่ได้รับการศึกษา และเข้าถึงระบบสาธารณสุข ตัวแทนไทยจึงเดินทางมาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

“ในเบื้องต้น ศอ.บต. และกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย จะดำเนินการจัดงานกงสุลสัญจร เพื่อสามารถติดต่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนไทยในประเทศมาเลเซีย โดย ศอ.บต. จะนำเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และกรมการแพทย์จากประเทศไทย เข้ามาให้บริการด้านสุขภาพด้วย” นายศุภณัฐกล่าว

นายศุภณัฐเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลทำให้ทราบว่า ในกลุ่มแรงงานดังกล่าว มีผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรง มีอาการป่วย และมีฐานะยากจน ขณะที่บางคนให้กำเนิดบุตรในประเทศมาเลเซีย แต่ไม่ได้ดำเนินการให้ถูกกฎหมาย จึงไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการขึ้นพื้นฐานใดๆได้ แม้แต่ได้รับสัญชาติ ซึ่ง ศอ.บต. และกงสุลไทย กำลังหาทางช่วยเหลือคนกลุ่มนี้อยู่

ด้านนายไพฑูรย์ สงค์แก้ว กงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซียกล่าวว่า เบื้องต้นกงสุลไทยจะได้จัดหน่วยงานสัญจร เพื่อให้การช่วยเหลือด้านทะเบียนต่อแรงงานไทยที่อยู่ในเมืองต่างๆของประเทศมาเลเซีย

“ปัจจุบันมีกลุ่มคนไทยที่เข้ามาทำงานในประเทศมาเลเซียหลายพันคน บางคนได้เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่กงสุล และรัฐบาลต้องเร่งดำเนินแก้ไขปัญหา” นายไพฑูรย์กล่าว

“สำหรับบุคคลที่เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย ทางกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู ได้ดำเนินจัดกิจกรรม กงสุลสัญจรปีละ 3 ครั้ง เพื่อลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนคนไทย ที่เข้ามาทำงานในประเทศมาเลเซีย ที่ได้อาศัยอยู่อำเภอต่างๆ เช่น อำเภอกูวอมูซัง และอำเภอกอระไก แต่ละครั้งในการลงพื้นที่ ได้มีบริการด้านหนังสือเดินทาง ด้านบัตรประชาชน และด้านสูติบัตร” นายไพฑูรย์เพิ่มเติม

นายไพฑูรย์ระบุว่า การช่วยเหลือเบื้องต้นของกงสุลไทยในประเทศมาเลเซียดังที่กล่าว จะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2560 โดยหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับแรงงานไทย ในประเทศมาเลเซียอย่างเร่งด่วนที่สุด

ขณะเดียวกันนายมะแอ สะอะ (หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ) อดีตสมาชิกขบวนการพูโล หนึ่งในผู้ที่เคลื่อนไหวผลักดันให้เกิดการช่วยเหลือชาวไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่รัฐบาลไทยให้ความสนใจในการแก้ปัญหาเรื่องนี้

“ถือเป็นเรื่องดี ถ้า ศอ.บต.ลงมาเล่นเองเพื่อต้องการแก้ปัญหาเรื่องนี้ มั่นใจว่า ทุกคนจะเห็นถึงความพยายามที่กำลังทำเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อใจมากขึ้น” นายมะแอกล่าว

นายมะแอเพิ่มเติมอีกว่า รายชื่อเด็กและเยาวชนไทยไร้สัญชาติที่อยู่ในประเทศมาเลเซียกว่า 1000 คน ที่กลุ่มของตนได้สำรวจพบนั้น จะนำมาตรวจสอบข้อมูล เพื่อความเรียบร้อยก่อนนำส่งต่อให้เจ้าหน้ารัฐบาลต่อไป

ปัญหาเด็กไทยไร้สัญชาติที่เกิดในประเทศมาเลเซีย เกิดจากหลายสาเหตุ อาทิเช่น บิดา-มารดาของเด็กไปทำงานในประเทศมาเลเซียแบบผิดกฎหมาย และคลอดในระหว่างที่ทำงานในมาเลเซีย  บิดา-มารดาของเด็กหนีคดีความจากในประเทศไทยไปหลบซ่อนตัวในประเทศมาเลเซีย และคลอดระหว่างนั้น หรือบางส่วนบิดา-มารดา เดินทางไปอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียอย่างถูกกฎหมาย แต่มีข้อผิดพลาดทำให้เด็กไม่ได้รับสัญชาติ โดยเด็กและเยาวชนไทยไร้สัญชาติในประเทศมาเลเซีย มีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 20 ปี

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง