นายกฯ ยืนกรานใช้กฎหมายพิเศษ โต้แถลงการณ์ค้านของนศ.ในชายแดนใต้
2018.09.25
กรุงเทพฯ และปัตตานี
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยืนกรานในวันอังคารนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า รัฐบาลจะใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป ในการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ภายหลังที่สมาพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ออกแถลงการณ์คัดค้านมาตรการดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐยุติการใช้กฎหมายพิเศษ เพราะอาจละเมิดสิทธิมุนษยชน ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มเปอร์มัส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทหารรัฐบาลยกเลิกการใช้อำนาจกฎอัยการศึก ซึ่งล่าสุดรัฐได้ใช้เพื่อการตรวจสอบอาวุธปืนและเรือของชาวบ้านในสองตำบลของอำเภอหนองจิก ปัตตานี เพื่อหาตัวผู้ร่วมก่อเหตุลอบยิงทหารพรานตายและบาดเจ็บรวม 6 ราย เมื่อวันที่ 11 กันยายนนี้
“ไม่ว่าประเทศไทยหรือประเทศไหนในโลกเขาก็ใช้กฎหมายพิเศษทางด้านความมั่นคงกันทั้งนั้น ในสถานการณ์ที่กฎหมายปกติมันอาจจะใช้ไม่ได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ ไม่ใช่จะใช้แต่อำนาจพิเศษตลอดเวลา... แต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่คนไหนที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง หรือเกินกว่าเหตุ หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่ก็ต้องถูกลงโทษ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
“กรณีที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษา ตอนนี้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยเหมือนกัน เพราะเขาต้องการความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเขา ถ้าเราเปิดโอกาสมาก การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็แก้ไขได้ยาก ผมไม่อยากให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย ก็ต้องฟังคนในพื้นที่เขาด้วยไม่ใช่แต่นิสิต นักศึกษาฝ่ายเดียว แต่อย่าขัดแย้ง อย่าใช้ความรุนแรงต่อกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติม
นักศึกษากลุ่มเปอร์มัส ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นกฎหมายที่เอื้อต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและหล่อเลี้ยงวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ลดเงื่อนไขความหวาดกลัว และเพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงทางการเมืองอย่างเสรี” รวมทั้งให้ผลักดัน “การเจรจาสันติภาพปาตานีนั้นเป็นวาระแห่งชาติ” เพื่อแก้ไขเหตุการณ์รุนแรง
นายฮาฟิส ยะโกะ ประธานเปอร์มัส กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ควรจะจัดให้มีการเสวนาของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากการใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อพิจารณาข้อดีข้อเสีย โดยไม่ได้กล่าวตอบโต้กลุ่มผู้เห็นต่าง
"คิดว่าควรจะมีเวทีเสวนาให้ทั้งสองฝ่ายมาร่วมเสวนาถึง ข้อดีข้อเสียในเรื่องของประกาศใช้กฎหมายพิเศษ ทางเปอร์มัสยืนยันหลักการเคลื่อนไหวมาตลอดเราเคลื่อนไหวบนพื้นฐานของสันติวิธี ภายใต้หลักประชาธิปไตย ไม่ได้ต้องการการตกเป็นเครื่องมือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สุดท้ายชาวบ้านโดยรวม ก็จะกำหนดชีวิตของเขาเอง" นายฮาฟิสกล่าว
"ก็ยังยืนยันว่าควรที่จะมีการเปิดพื้นที่กลาง มหาวิทยาลัยต่างๆ ควรที่จะเป็นพื้นที่กลางให้กับคนทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียให้เข้ามาคลี่คลายความขัดแย้งทุกประเด็น มั่นใจว่าการพูดคุยจะสามารถยุติปัญหาลงได้ การถืออาวุธไม่ใช่ทางออก" นายฮาฟิสกล่าวเพิ่มเติม
ในเรื่องการพูดคุยเพื่อสันติสุขนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวฝ่ายไทยกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะทำอย่างไร เมื่อฝ่ายมาเลเซียเปลี่ยนตัวผู้อำนวยความสะดวกจากนายอาหมัด ซัมซามิน อาชิม เป็นนายอับดุล ราฮิม นูร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ซึ่งในขณะนี้ ตนยังไม่ได้การยืนยัน แต่จะมีโอกาสพบกับท่านนายกฯ มาเลเซีย ประมาณปลายเดือนหน้า
ยุทธการบางทัน
เมื่อคืนวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมานี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบยิงทหารพราน สังกัดกองร้อย ทพ.4303 ที่ริมถนนสายบ้านดอนนา หมู่ 5 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จนเสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ 4 นาย จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้สอบสวนจำนวน 8 ราย โดยระบุว่า มีสามรายที่สารภาพว่า มีส่วนร่วมในก่อเหตุจริง
จากนั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ใช้อำนาจตาม พรบ.กฎอัยการศึก ส่งกำลังฝ่ายความมั่นคงนับพันนายเข้าตรวจค้นพื้นที่ตำบลบางเขา และตำบลท่ากำชำ พร้อมทั้งได้ออกประกาศ ฉบับที่ 89/2561 เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลบางเขาและตำบลท่ากำชำ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี นำอาวุธปืนเครื่องกระสุน ยานพาหนะ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และให้ชาวบ้านในหมู่บ้านกือแล หมู่บ้านบางทัน และบ้านตันหยงปาวร์ นำเรือประมงและอาวุธปืนที่มีทะเบียน มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจนถึงวันอาทิตย์ แต่ไม่พบความเชื่อมโยงใดๆ
ชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่ง กล่าวว่า จากความเข้มงวด ทำให้ชาวบ้านที่ทำการประมงไม่กล้าออกหาปลามากว่าสิบวันแล้ว เพราะเกรงว่าจะมีการเข้าใจผิดในระหว่างหาปลา โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ที่มาจากต่างถิ่น
“เจ้าหน้าที่มีสิทธิสงสัยใครได้ เรียกเชิญตัวได้ทันที ไม่เพียงแค่สงสัยเพื่อเชิญตัว แต่สุ่มเสี่ยงที่ก่อเกิดความเข้าใจผิดระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการลาดตระเวน ดักซุ่มโป่งตามป่าชายเลนริมคลองที่ชาวบ้านใช้วางลอยอวน งมหาปลา ซึ่งบางครั้งต้องพิงหลบแดดไปบ้าง... มันจึงกลายเป็นความเสี่ยงที่จะก่อเกิดความเข้าใจผิดสูงมาก แล้วมันไม่มีหลักประกันได้ว่า สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นได้" ชาวบ้านรายเดียวกันกล่าว โดยไม่ประสงค์จะออกนาม
ในขณะที่นักศึกษาเปอร์มัสคัดค้านรัฐบาล เมื่อวันจันทร์นี้กลุ่ม “คนไทยพื้นที่ รักสันติ” กว่า 50 คน ได้เดินทางไปประท้วงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาล ตำหนิเปอร์มัส และเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยชี้แจงเหตุผลที่ปล่อยให้นักศึกษาเปอร์มัส ใช้สถานที่เคลื่อนไหวคัดค้านรัฐบาล
ในวันนี้ ทางกลุ่มฯ ได้ยื่นหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พร้อมทั้งมอบพวงหรีดที่มีข้อความเขียนว่าอาลัยยิ่งแต่สถาบันการศึกษา โดยมี ผศ.ดร.มณทิรา ลีลาศเกรียงศักดิ์ รองอธิการบดี ฝ่ายวิชาการ เป็นตัวแทนอธิการบดีมารับมอบ
“ขอแจ้งให้พี่น้องคนไทยทั้งประเทศทราบว่า กลุ่มคนไทยพื้นที่รัก สันติ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่ พวกเราคิดว่าควรบังคับใช้กฎอัยการศึกจนกว่าจะได้ตัวคนร้าย สถาบันไม่ควรอนุญาตให้นักศึกษาจัดกิจกรรมสร้างความแตกแยก โดยเฉพาะประเด็นคำว่า ประชาชนไทยและประชาชนปัตตานี” นายพงษ์พันธ์ จันเล็ก หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนไทยพื้นที่ รักสันติ กล่าว
“การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นการละเมิดสิทธิ แต่การกระทำผิดกฎหมายไม่เคารพกฎหมายถือว่าเป็นกบฏ..” นายพงษ์พันธ์กล่าวเพิ่มเติม