ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต “ไซชะนะ” ฐานค้ายาเสพติดคดีที่สอง
2018.09.26
กรุงเทพฯ
ในวันนี้ ศาลอาญาพิพากษาให้ประหารชีวิต นายไซซะนะ แก้วพิมพา ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เจ้าพ่อยาเสพติดอาเซียน และนายชุมพร พนมไพร ในคดีค้ายาเสพติด แต่ศาลลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตเนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ ขณะที่ยกฟ้องนายรัชพล หรือกิมเล้ง รัฐสพลพกรณ์ เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีค้ายาเสพคดีที่สองของนายไซซะนะ หลังจากที่ถูกสั่งจำคุกตลอดชีวิต เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดยคำฟ้องของคดีนี้สรุปได้ว่า ในระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึง 16 กันยายน ปี 2558 นายไซซะนะ แก้วพิมพา จำเลยที่ 1 และนายชุมพร พนมไพร จำเลยที่ 2 กับพวกอีกหลายราย สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แบ่งหน้าที่กันทำในรูปขบวนการเครือข่ายยาเสพติด โดยที่จำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ที่ สปป.ลาว ร่วมกันจัดหาเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า จำนวน 2,381,400 เม็ด พร้อมเงินค่าใช้จ่ายและรถยนต์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังภาคใต้ของประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย
ต่อมาช่วงระหว่างวันที่ 17-22 สิงหาคม จำเลยทั้งสอง พร้อมทั้งนายรัชพล หรือกิมเล้ง รัฐสพลพกรณ์ จำเลยที่ 3 ร่วมกันลักลอบส่งยาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ด ให้กับเครือข่ายทางภาคใต้โดยติดต่อกับนายไซนุเต็ง มะ ที่ประเทศมาเลเซีย โดยจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่ธุรกรรมการเงินรับโอนเงินค่ายาเสพติดจากนายไซนุเต็งหลายครั้งหลายหนจำนวน 144 ล้านบาท ส่งมอบให้จำเลยที่ 1 ที่ สปป.ลาว
“ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายไซซะนะและนายชุมพร จำเลยที่ 1-2 กระทำผิดฐานสมคบกันค้ายาเสพติด 1 ล้านเม็ด เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 2559 หลังจากมีพยานหลักฐานข้อมูลการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันให้จัดหารถกระบะมือสองซุกยาบ้ารับจาก สปป.ลาว ไปส่งให้เครือข่ายทางภาคใต้ของไทย และประเทศมาเลเซีย พิพากษาประหารชีวิตทั้งสอง ทั้งนี้ คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความบางส่วนของจำเลยที่ 1-2 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต ให้ยกฟ้องนายรัชพล หรือกิมเล้ง จำเลยที่ 3 ที่ถูกกล่าวหารับโอนเงินค่ายา เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร” คำพิพากษาระบุ
นอกจากนี้ ศาลได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสามในส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าสมคบกันค้ายาบ้าจำนวน 2,381,400 เม็ดด้วย เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร
มารดาของนายนายรัชพล พร้อมด้วยสมาชิกของครอบครัว ร่ำไห้เข้าโอบกอดจำเลยที่ 3 ทันที ด้วยความดีใจ หลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น
นอกจากนี้ คำพิพากษายังระบุด้วยว่า ให้นับโทษนายไซซะนะต่อจากคดียาบ้าคดีแรก ที่ได้มีคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561 สั่งให้ประหารชีวิตนายไซชะนะ ฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า จำนวน 1.2 ล้านเม็ด เข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากให้การรับสารภาพ
นายไซซะนะ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และป.ป.ส. ร่วมกันจับกุมตัวได้ ขณะที่เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 หลังจากถูกซัดทอดโดยผู้ต้องหาค้ายาบ้าซึ่งถูกจับที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ว่านายไซซะนะ แก้วพิมพา นักธุรกิจชาวลาว เป็นผู้รู้เห็นกับการลักลอบขนยาเสพติดมาจากประเทศลาวครั้งนี้ด้วย จึงได้มีการออกหมายจับนายไซซะนะ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่าเครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ มีความเชื่อมโยงกับนายอุสมาน สแลแมง หัวหน้าขบวนการยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในประเทศลาว ช่วงปี 2555 และเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้