เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับคดีฉ้อโกงผู้แสวงบุญ ไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นคดีพิเศษ

โดย นาซือเราะ
2015.04.30
TH-haj-620 พี่น้องชาวมุสลิมให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในจังหวัดปัตตานี กรณีถูกหลอกลวงเรื่องการเดินทางไปทำพิธีฮัจย์ วันที่ 30 เมษายน 2558
เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดี (30 เมษายน 2558) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนผู้เสียหายในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ถูกหลอกว่าจะได้ไปทำพิธีฮัจย์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่โดน เรียกเงินค่าดำเนินการแล้ว แต่ไม่ได้เดินทางแต่อย่างใด โดยเตรียมรับเข้าเป็นคดีพิเศษของกรม

พ.ต.อ.อิทธิพล  พรหมดวง ผู้อำนวยการ หน่วยสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ผู้เสียหายให้การว่า เหตุฉ้อโกงเริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2546 โดยมีคนมุสลิมในจังหวัดนราธิวาสรายหนึ่ง (ขอสงวนนามในชั้นนี้) ได้ชักชวนให้ชาวไทยมุสลิมในห้าจังหวัดภาคใต้ สมัครไปร่วมพิธีฮัจย์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยอ้างว่ากษัตริย์ดูไบ มีโครงการให้เงินทุนสนับสนุนชาวมุสลิมไทยไปร่วมพิธีฮัจย์ฟรี แต่ผู้มีความประสงค์ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการคนละ 15,000 บาท และเมื่อผู้หลงเชื่อจ่ายเงินแล้ว กลับไม่มีการเดินทางแต่อย่างใด

พ.ต.อ.อิทธิพล กล่าวว่า ตนมีรายชื่อผู้ที่ถูกหลอกลวงแล้ว จำนวน 50 ราย และได้พูดคุยเพื่อรับทราบข้อมูลต่อผู้ถูกหลอกลวงแล้วสิบราย ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลไปประกอบเป็นสำนวนคดีฉ้อโกง เป็นคดีพิเศษต่อไป

“เชื่อว่ากรณีนี้ ผู้กระทำไม่ได้มีคนเดียว จะเห็นได้ว่าผู้เสียหายคลอบคลุม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้กระทำต้องทำเป็นขบวนการ ไม่สามารถทำคนเดียวได้แน่นอน” พ.ต.อ.อิทธิพล

ด้านผู้เสียหาย จาก จ.ปัตตานี รายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) กล่าวว่า ตนโทรศัพท์ติดต่อไปขอเงินคืนจากเอเย่นต์ แต่ถูกบ่ายเบี่ยง และเมื่อสอบถามชาวบ้านคนอื่นๆ พบว่า มีเหยื่อในเรื่องนี้ มีมากกว่า 500 คน เฉพาะในครอบครัวของตน 20 คน จ่ายไป 3 แสนบาท จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ และขอความเป็นธรรม ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดปัตตานี เมื่อ 30 ธ.ค.2557 จนกระทั่ง ดีเอสไอ เรียกสอบสวนเพื่อจะนำเรื่องเข้าเป็นคดีพิเศษ

การเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศซาอุดีอาระเบียของพี่น้องมุสลิม เป็นหลักปฏิบัติที่ทุกคนแสวงหา และถือเป็นการบังคับสำหรับผู้ที่มีกำลังทรัพย์ แต่ไม่ได้มีการบังคับต่อศาสนิกชนผู้ที่มีฐานะยากจน

ด้วยพื้นฐานของคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสออกสู่โลกภายนอกมากนัก จึงทำให้เกิดช่องว่าง เกิดการเอาเปรียบ และคดโกงผู้แสวงบุญ

นายแวยูโซ๊ะ สามะอาลี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ จากกรมศาสนา กล่าวต่อการเอาเปรียบ หรือฉ้อโกงของเอเย่นต์เดินทางสำหรับผู้ไปแสวงบุญที่นครเมกกะโดยทั่วไปว่า การกระทำของเอเย่นต์ยังเป็นเรื่องที่เป็นที่ถกเถียงกัน โดยที่เขาอ้างว่า เขาควรได้กำไรจากการทำงาน  แต่การทำงานของเขาคือการเอาเปรียบชาวบ้าน

“รูปแบบการเอาเปรียบชาวบ้านมีหลายวิธี เช่น รับเงินมาแล้วไม่พาเขาไป เมื่อชาวบ้านทวงถามขอเงินคืน ก็บอกอย่างดื้อๆ ว่า ไม่มีเงินใช้คืน หรือบางราย พาเขาไปแล้วไปอยู่อย่างแออัด ต้องเดินไปกลับวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20 กิโล แต่กลับบอกชาวบ้านว่าต้องอดทน นั่นคือความประสงค์ของพระเจ้า ปัญหาเรื่องฮัจย์มีตลอด แต่ไม่เคยถูกแก้ไข เพราะมันแก้ยาก” นายแวยูโซ๊ะ กล่าว

ด้านนายยะยา เจะอีซอ หัวหน้ากองกิจการฮัจย์ ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ก็มีการร้องเรียนเข้ามาที่ ศอ.บต. เป็นระยะ ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียน 18 ราย โดยทาง ศอ.บต. คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของคดีแพ่ง จึงได้ส่งเรื่องไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ แต่พอยิ่งนานวัน ก็มีชาวบ้านมาติดต่อมากขึ้นทุกวัน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง