แม่ทัพภาค 4 ชี้แจงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้สร้างความไม่สงบ
2015.07.21
ในวันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2558 ที่กองอำนวยการความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลโทปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้จัดประชุมหลังจากเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่รัฐปะทะกับสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่เสียชีวิตสองราย ในจังหวัดปัตตานี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ทุกฝ่ายถึงความจำเป็นในการรักษากฎหมาย
พลโทปราการ ชลยุทธ์ ได้กำชับเน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่เร่งสร้างความเข้าใจต่อ ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น พี่น้องประชาชน และเครือญาติให้เข้าใจในเหตุผลและความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวทางสันติวิธี พร้อมทั้งให้ทำการช่วยเหลือเยียวยาด้านมนุษยธรรมตามความเหมาะสมแก่ผู้ที่ออกมามอบตัว จะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
“กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงยึดมั่นการแก้ไขปัญหาในแนวทางสันติวิธีภายใต้หลักกฎหมายที่เป็นธรรม ให้การเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนโดยพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้กระทำความผิด และผู้เห็นต่างที่เข้ารายงานตัวแสดงตนตามโครงการพาคนกลับบ้าน นอกจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นปกป้องคุ้มครองในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนให้เกิดความปลอดภัย ภายใต้ยุทธศาสตร์ประชาชนมีส่วนร่วม” พลโทปราการ กล่าว
พลโทปราการ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย พบว่า เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญา รวมกันหลายหมาย มีพฤติกรรมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ทั้งการลอบยิง และลอบวางระเบิด สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่เจ้าหน้าที่รัฐ และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก
โดยคนที่หนึ่ง คือ นายมูฮัมหมัด ชิติเลาะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/9 หมู่ที่ 5 ต. บาราเฮาะ อ. เมือง จ. ปัตตานี เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี จำนวน 4 หมาย ส่วนคนที่สองชื่อ นายมูฮำหมัดเปาซี สาเมาะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/4 หมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งพลา อ. โคกโพธิ์ จ. ปัตตานี เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ และมือประกอบระเบิด เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี จำนวน 1 หมาย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายละมาแอ สาและ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 4 ต. ท่ากำชำ อ. หนองจิก จ. ปัตตานี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุไปดำเนินกรรมวิธีซักถาม และสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย
และจากการตรวจสอบอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้พบว่า เป็นอาวุธปืนที่ถูกปล้นแย่งชิงจากหน่วยทักษิณพัฒนาที่ 12 เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2546 จำนวน 1 กระบอก อีก 2 กระบอก ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ จะได้ตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อเชื่อมโยงการก่อเหตุในคดีต่างๆ ในห้วงเวลาที่ผ่านมาต่อไป
ทางด้าน พ.อ. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน. 4 ส่วนหน้า ได้แสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้านตันหยงเปาว์ ม. 4 ต. ท่ากำชำ อ. หนองจิก จ. ปัตตานี เมื่อวานนี้ที่ 20 ก.ค. 2558
“กอ.รมน.4 ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อญาติ และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งสองราย ซึ่งต่อสู้ขัดขืนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การสูญเสีย” พ.อ. ปราโมทย์กล่าว
เกิดเหตุความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ที่ 21 ก.ค. 2558 เมื่อเวลา 07.00 น. เกิดเหตุคนร้ายยิงราษฎรขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เหตุเกิดบริเวณ บ้านบันนังลิมา ม. 4 ต. ธารคีรี อ. สะบ้าย้อย จ. สงขลา เป็นเหตุให้ นายหะมะ กาโด อายุ 29 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 3 นัด ถูกที่บริเวณหน้าท้องทะลุด้านหลัง หน้าแข้งด้านขวา และแขนท่อนล่าง ได้รับบาดเจ็บ นอนรักษาตัวที่ โรงพยาบาลศูนย์จังหวัดยะลา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท. ณรงค์ พันธ์มณี ร้อยเวร สถานีตำรวจกะพ้อ จ. ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุ พบศพผู้เสียชีวิตภายในป่าสวนยางพารา บริเวณ ม. 5 ต. ปล่องหอย อ. กะพ้อ จ. ปัตตานี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นศพของ นายบุคคอรี อาบู อยู่บ้านเลขที่ 85/4 บ้านโลทู ม. 6 ต. ปล่องหอย อ. กะพ้อ จ. ปัตตานี สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณลำตัว จำนวน 3 นัด