ตำรวจตั้งข้อหาพลโท มนัส คงแป้น รวมสิบสามข้อหา

โดย นาซือเราะ
2015.06.04
TH-manas-charges-620 พลโท มนัส คงแป้น เดินทางเข้ามอบตัว ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2558
โดย นาซือเราะ

ในวันพฤหัสบดีที่ 4 มิ.ย. 2558 พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจ ภาค 8 หัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดีค้าษย์ชาวโรฮิงญาได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจากได้ร่วมสอบปากคำ พล.ท.มนัส คงแป้น กว่า 8 ชั่วโมง ตั้งแต่เมื่อวาน เจ้าพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาต่อพลโทมนัสเพิ่มเติมจากเดิม รวมทั้งหมดเป็น 13 ข้อหา

โดยพลโท มนัส ถูกตั้งข้อหาในคดีสมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี  ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย  ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ โดยมีข้อหาเพิ่มเติมที่สำคัญคือ การก่ออาชญากรข้ามชาติ ทำร้ายร่างกาย และช่วยซ่อนเร้นศพ

พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งได้ทำการสอบสวนพลโทมนัสที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในชั้นสอบปากคำเบื้องต้น พล.ท.มนัส คงแป้น ได้ให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา

ต่อมาในวันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ได้เดินทางมารับตัว พล.ท.มนัส คงแป้น ซึ่งแต่งตัวในชุดเครื่องแบบทหาร ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวีผลัดแรก โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร จ.สงขลา และตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ติดตามคุ้มกันอย่างเข้มงวด

โดยล่าสุด ศาลนาทวีไม่อนุมัติการขอประกันตัวของพลโทมนัส

คดีค้ามนุษย์นี้นับเป็นคดีใหญ่ และเป็นที่เกี่ยวพันกับอีกหลายประเทศ ทั้งยังเป็นที่สนใจจับตาของต่างประเทศ นับตั้งแต่มีการรายงานการพบหลุมศพมากมายกว่าสามสิบศพของผู้อพยพชาวโรฮิงญาลักลอบนำเข้าเมือง ในป่า บนเทือกเขาแก้ว ที่ค่ายพักกักกันชั่วคราว ในปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ใกล้พรมแดนไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558

สำหรับความคืบหน้าของคดีนั้น ขณะนี้ออกหมายจับแล้วทั้งหมดจำนวน 84 ราย สามารถจับกุม อายัดตัว และมอบตัวแล้ว 52 ราย เหลือที่ยังหลบหนีและกำลังตามจับกุมอีก 32 ราย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง