ศาลพิพากษาคุก เปรมชัย 16 เดือน ไม่รอลงอาญา
2019.03.18
กาญจนบุรี
ในวันนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 16 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จากความผิดในคดีล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร แต่ได้การปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยวงเงิน 4 แสนบาท เพื่อเตรียมต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์
การอ่านคำพิพากษาคดีนี้ สืบเนื่องจากในคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกอีกสามราย ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เนื่องจากพบซากไก่ฟ้าหลังเทา หมูป่า และเสือดำ พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ใกล้บริเวณเต๊นท์ค้างแรมของคนกลุ่มดังกล่าวในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ต่อมา นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ถูกตั้งข้อหาต่างๆ เช่น ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีอัยการฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 เป็นโจทก์ฟ้อง
“พิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่ มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 วรรค 1, 47, 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 1, ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน… มาตรา 8 ทวิ… มาตรา 72 ทวิ” คำพิพากษาของศาลที่เจ้าหน้าที่แจกจ่ายใหผู้สื่อข่าวระบุ
“จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง... โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน… สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน... ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) จำคุก 2 เดือน รวม 16 เดือน” ตอนหนึ่งของคำพิพากษากล่าว
คำพิพากษาได้ระบุอีกว่า โทษจำคุกไม่รอลงอาญา และศาลยกฟ้องข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง(เสือดำ) ของนายเปรมชัย
โดย นายเปรมชัย กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวสั้นๆ หลังการฟังคำพิพากษาว่า “ขอโทษครับ” ก่อนขึ้นรถส่วนตัวออกจากศาล
สำหรับ จำเลยรายอื่นๆ ถูกพิพากษาดังนี้ นายยงค์ จำเลยที่ 2 จำคุก 13 เดือน ไม่รอลงอาญา ได้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 4 แสนบาท นางนที จำเลยที่ 3 จำคุก 4 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และนายธานี จำเลยที่ 4 โทษจำคุก 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา ได้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท
ค่าเสียหายทางแพ่ง จำเลยที่ 1 และ 4 ต้องจ่ายค่าเสียหาย 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี นับตั้งแต่วันที่กระทำผิด
นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ หนึ่งในทีมทนายความของฝ่ายจำเลย กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์ โทษจำคุกดังกล่าว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดคดี
“ยื่นอุทธรณ์อยู่แล้วนะฮะ เดี๋ยวทีมทนายจะยื่นอุทธรณ์ เดี๋ยวจะมีเหตุผลว่าเราไม่เห็นด้วยยังไง” นายกิจจา กล่าว
ด้านนายธัชพงษ์ แกดำ นักเคลื่อนไหวกลุ่มทีชาล่า ซึ่งเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเสือดำ แสดงความเห็นต่อคดีนี้ว่า ตนเองรู้สึกยอมรับได้กับคำพิพากษา
“รู้สึกโอเคกับคำพิพากษา แต่คิดว่าศาลน่าจะมีคำชี้แจงเพิ่มเติมว่า ทำไมคุณเปรมชัยถึงถูกยกฟ้องในกรณีครอบครองซากเสือดำ จะยังคงเคลื่อนไหวไม่ให้สังคมลืมเสือดำ ผมคิดว่าศาลใช้เวลาหนึ่งปีกว่าๆ ในการพิพากษาคดีนี้ถือว่าเร็ว ซึ่งส่วนสำคัญมาจากกระแสสังคม สังคมแค่อยากเห็นคนรวยถูกลงโทษบ้าง หากทำผิดจริง” นายธัชพงษ์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ในวันนี้ นายเปรมชัย และจำเลยร่วมในคดีล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร รวม 4 ราย ได้เดินทางมาถึงเมื่อเวลา 08.05 น. ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยทนายความ ตามการนัดฟังคำพิพากษา 09.00 น. โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าฟัง ท่ามกลางการรอคอยของผู้สื่อข่าวกว่า 60 ชีวิต ขณะที่ในห้องพิจารณาคดี ห้ามสื่อมวลชนเข้าฟัง มีเพียงฝ่ายโจทก์ จำเลย เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมทั้งตัวแทนมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร เท่านั้นที่ได้รับอนุญาต
นอกจากคดีล่าเสือดำแล้ว นายเปรมชัยยังมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะจำเลยและผู้ต้องหาอีก 3 คดี คือ คดีที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ ในข้อหาครอบครองงาช้างแอฟริกา โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเบื้องต้นนายเปรมชัยปฏิเสธข้อกล่าวหา
คดีที่พนักงานอัยการภาค 7 ตั้งข้อหาร่วมกันติดสินบนเจ้าหน้าที่ ซึ่งเบื้องต้น นายเปรมชัยได้ให้การปฎิเสธข้อกล่าวหา และคดีที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ จากความผิดในการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลจำนวน 3 กระบอก และปืนแก๊บ 1 กระบอก ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม นายเปรมชัยได้ให้การปฎิเสธ เช่นกัน