อัยการสูงสุดสั่งฟ้องพลโทมนัส คงแป้น และผู้ต้องหาร่วมอีก 71 ราย
2015.07.24
สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงข่าวในวันศุกร์ที่ 24 ก.ค. 2558 นี้ ว่าทางสำนักงานฯ ได้พิจารณาสั่งฟ้อง 72 ผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ซึ่งรวมถึงพลโทมนัส คงแป้น ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการค้าชาวโรฮิงญา จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในเทือกเขาแก้ว ปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จำนวน 32 คน
นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ และโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงแก่ผู้สื่อข่าวว่าในวันนี้ว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องคดีนี้ตั้งแต่วันพฤหัสบดี และได้มีคำสั่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานจังหวัดนาทวี และสำนักงานอัยการภาค 9 ส่งสำนวนต่อศาลนาทวีในวันนี้ โดยมีจำนวนผู้ต้องหาส่วนที่ถูกคุมขังไว้แล้ว จำนวน 72 คน ถูกฟ้องร้องใน 16 ข้อหา เป็นคดีหมายเลขดำ อ. 2741/2558
“คดีนี้น่าเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกจำนวนมาก และเรื่องนี้อัยการสูงสุดได้ให้ความสำคัญ เพราะเป็นคดีที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อเท็จจริงมีความเกี่ยวพันหลายพื้นที่ รวมทั้ง มีผู้ต้องหาหลายคนเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการระดับสูง และมีอิทธิพล จึงต้องใช้ความละเอียดและรอบคอบ และต้องมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา รวมทั้ง พยานทุกคนก็ได้รับการคุ้มครองพยานอยู่แล้วด้วย” นายวันชัยกล่าว
ส่วนข้อหาที่สำคัญนั้น มีอยู่ 4 ข้อหา คือ ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ ข้อหาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ข้อหาร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และข้อหาสุดท้าย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน ปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
แต่ทางอัยการมีคำร้องต่อศาล คัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรงและผู้ต้องหาอาจจะหนีคดีได้
นายวันชัย ได้ให้รายละเอียดว่า ตำรวจปาดังเบซาร์ ได้ทำสำนวนฟ้องร้องผู้ต้องหาจำนวน 120 ราย เป็นคนไทยจำนวน 107 ราย แต่ได้เสียชีวิตหนึ่งราย จึงได้ยุติคดีสำหรับผู้ต้องหารายนี้ลง ยังคงเหลือการดำเนินคดีต่อไปอีกจำนวน 106 ราย นอกจากนั้น มีผู้ต้องหาต่างชาติจำนวน 13 ราย เป็นชาวพม่า 9 ราย และบังกลาเทศ 4 ราย
ในส่วนผู้ต้องหาสัญชาติไทยนั้น แบ่งได้เป็นพลเรือน 92 ราย เป็นข้าราชการทหารหนึ่งราย คือ พลโทมนัส คงแป้น ข้าราชการตำรวจ 4 ราย ข้าราชการพลเรือน 1 ราย เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน) 2 ราย และผู้บริหารสภาท้องถิ่นและสมาชิกสภาบริหารท้องถิ่นรวมกันอีก 7 ราย
นอกจากผู้ต้องหาที่ถูกสั่งฟ้องในชุดแรกนี้แล้ว ยังมีผู้ต้องหาที่ถูกคุมขังอยู่อีก 15 คน ที่ยังไม่ได้มีคำสั่งฟ้อง เนื่องจากว่าต้องมีการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อให้สำนวนฟ้องรัดกุมยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีผู้ต้องหาที่ส่วนหลบหนีการจับกุมอีกจำนวน 32 ราย ในจำนวนนี้ เป็นชาวพม่า 5 คน และชาวบังกลาเทศ 3 คน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด ได้สั่งฟ้องคดีแล้วเช่นกัน โดยนายวันชัย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ต้องหาชาวต่างประเทศนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดจะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐฯ เผยแพร่วันจันทร์นี้
ขณะที่ประเทศไทยมีการแถลงข่าวการสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์จำนวน 72 ราย ในวันนี้นั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาก็ได้ประกาศว่า ในวันจันทร์ที่ 27 ก.ค. ที่จะถึงนี้ จะมีการเผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2014 ณ กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งเป็นการประเมินผลประจำปี 2014 (1 มีนาคม 2557 - 31 มีนาคม 2558)
ส่วนปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกลดไปอยู่ในอันดับ 3 ซึ่งถือเป็นอันดับที่ต่ำสุด อันมีบทลงโทษต่าง ๆตามมา รวมถึง อาจจะไม่ได้รับพิจารณาการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ เงินทุนช่วยเหลือด้านการศึกษา และอื่นๆ
จับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ เพื่อบังคับค้าประเวณี 3 ราย
ในวันเดียวกันที่ 24 ก.ค. 2558 ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ 3 ราย คือ 1. นายเค็ง เซียง โลว์ (Mr.Kheng Hsiang Low) หรือ นายสตีเว่น โลว์ ชาวมาเลเซีย 2. นางรัชดาพรรณ หรือนุ หรือนุช แสนเกษม 3. นางกัลยา สมศรี โดยทั้งสามได้ร่วมกันหลอกลวงผู้หญิงไทยผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อบังคับค้าประเวณีในประเทศมาเลเซีย ยังมีผู้ต้องหาอีก 1 รายที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี
ทางศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับแจ้งจากมูลนิธิฟรีแลนด์ว่า ได้ไปรับหญิงไทยผู้เสียหายที่สนามบิน หลังจากเหยื่อค้ามนุษย์ดังกล่าว ได้หลบหนีออกมา ขอความช่วยเหลือผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ เนื่องจากถูกนายหน้าชาวมาเลเซีย และภรรยาคนไทย หลอกลวงบังคับให้ค้าประเวณี ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และทางมูลนิธิฯ ได้ส่งเรื่องต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว
ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ได้ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่าผู้ต้องหากับพวกได้หลอกลวงเหยื่อหรือผู้เสียหายผ่านทาง Facebook โดยใช้ชื่อ นายสตีเว่น โลว์, นายสตีเว่น พัทยา อ้างว่า มีหุ้นส่วนใน ร้านสปา ร้านคาราโอเกะ ในโรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มีงาน เสนอรายได้สูงประมาณหนึ่งแสนบาทต่อเดือน
นายสตีเว่นจะเป็นผู้พาเหยื่อโดยรถทัวร์ ไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่เมื่อถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ สถานที่ทำงานไม่เป็นไป ตามที่ตกลงกันไว้ โดยนายสตีเว่น ได้ขายเหยื่อให้กับผู้ต้องหาอีกรายซึ่งเป็นชาวมาเลเซียเช่นกัน เป็นผู้ควบคุม โดยเหยื่อจะตกเป็นหนี้ และจะต้องหักหนี้จากค่าจ้างการทำงาน จะต้องทำงานในสถานที่ที่ผู้ต้องหากำหนดไว้ให้ ซึ่งมีสภาพบังคับให้ค้าประเวณี โดยที่เหยื่อไม่เต็มใจ มีคนคอยควบคุมตัวตลอดเวลา บางรายถูกยึดหนังสือเดินทาง
ด้าน พ.ต.ต.อาริชย์ ทัศน์พันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปรามกล่าวว่า คดีนี้มีเหยื่อค้ามนุษย์ 6 คน ผู้ต้องหายอมรับว่าทำมานานกว่า 5 ปี เฉลี่ยจะมีหญิงไทยถูกหลอกเดือนละ 6-7 ราย