ตำรวจ ปส. แถลงจับยาบ้าล็อตใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.08.22
กรุงเทพฯ
180822-TH-drugs-620.jpg เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เตรียมแสดงการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดด้วยสารเคมี ในการแถลงผลการจับกุมและยึดยาบ้าล็อตประวัติศาสตร์ ที่ บช.ปส. วันที่ 22 สิงหาคม 2561
วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช/เบนาร์นิวส์

ในวันพุธนี้ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการจับกุมยาบ้าจำนวนกว่า 14.8 ล้านเม็ด มูลค่า 1,480 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับได้ ก่อนที่จะถูกลำเลียงต่อไปยังประเทศมาเลเซีย และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการขยายผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติที่ถูกจับได้พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวนมาก ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของผู้กระทำความผิด จนทราบแน่ชัดว่าจะมีการลำเลียงยาบ้าจำนวนมาก จากจังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปพักไว้ที่โกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนจะกระจายสู่ผู้ค้ารายใหญ่และรายย่อยต่อไป โดยวิธีการลำเลียงจะนำยาบ้าซุกซ่อนไปกับผลไม้ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ และจะมีการปลอมแปลงตราประทับของกรมศุลกากรในการอำพรางเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันการขอตรวจค้น

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้ติดตามรถบรรทุกคันดังกล่าวตั้งแต่ขับออกจากจังหวัดเชียงราย จนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงมั่นใจและได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 แสดงท่าทีมีพิรุธและรับสารภาพในที่สุดว่ามีการลำเลียงยาบ้า โดยซุกซ่อนไว้ในลังผลไม้จริง หลังการตรวจค้นรถบรรทุก พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ชนิดเม็ดกลมแบนสีส้ม และมีสีเขียวปะปนเล็กน้อย มีอักษร WY ประทับอยู่ผิวด้านหนึ่ง ส่วนผิวอีกด้านหนึ่งเรียบ ทั้งหมดบรรจุอยู่ในซองพลาสติกสีฟ้าและสีแดงปะปนกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการอายัดยาบ้ารวมทั้งสิ้นจำนวน 7,400 มัด หรือประมาณ 14,800,000 เม็ด

“จำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยจับมาในประเทศไทย คดีเดียวในล็อตนี้ แสดงให้เห็นว่าวิธีการเขาเปลี่ยนไป จากขนทีละมาก ๆ เปลี่ยนเป็นกองทัพมดกระจายในหมู่ผู้ใช้แรงงาน แล้วกลับมาขนทีละมาก ๆ อีก ... กล้าขนเยอะขนาดนี้เป็นการท้าทายอำนาจรัฐ” พล.ต.ท.สมหมาย ให้สัมภาษณ์พิเศษแก่เบนาร์นิวส์

ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติดระบุด้วยว่า ยาบ้าล็อตดังกล่าวเป็นของเครือข่ายม้งเวียงแก่น ควบคุมโดยแก๊ง 14K ในประเทศมาเลเซีย จัดได้ว่าเป็นเครือข่ายค้าเสพติดข้ามชาติในระดับต้น ๆ ของโลก โดยยาเสพติดล็อตนี้มีจุดหมายปลางทางไปยังประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะกระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

“อำนาจการซื้อในประเทศเราทำไม่ได้ขนาดนี้ แต่ถ้ายานี้ออกไปถึงยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี จะมีมูลค่ามหาศาล” พล.ต.ท.สมหมาย ระบุ

นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จำนวนของกลางเป็นยาบ้าที่ยึดได้ในปีนี้มีจำนวนมากขึ้นกว่าปีทีผ่านมา โดยในปี 2560 มีรายงานการยึดของกลางเป็นยาบ้าได้ทั้งหมด 214 ล้านเม็ด จากการจับกุมทั่วประเทศ ขณะที่ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นยาบ้าได้ทั้งหมด 299 ล้านเม็ด

โดยสถิติการจับกุมและยึดของกลางได้มากที่สุดอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงรายรวมแล้วยึดได้ทั้งหมด 87 ล้านเม็ด อันดับสองอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 45 ล้านเม็ด และอันดับสามในพื้นที่จังหวัดนครพนม โดย นรข.นครพนม อีกจำนวนทั้งหมด 21 ล้านเม็ด แต่จำนวนยาบ้าล็อตนี้ถือเป็นล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับได้ในการจับกุมครั้งเดียว

“14.8 ล้านเม็ดนี้ ถ้าเราจับไม่ได้แล้วหลุดเข้ามาถึงจังหวัดชั้นในของประเทศไทย ตำรวจในพื้นที่จะต้องทำงานหนักขึ้นในการไล่เก็บกวาด” เลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ส. ระบุ

นายโกศล อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงเพิ่มเติมถึงการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติด โดยระบุว่าสำนวนคดีที่ผ่านเข้ามาถึงสำนักงานฯ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้กระทำความผิดมีการปรับเปลี่ยนวิธีในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตลอดเวลา ทั้งทางที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศหรือจังหวัดชั้นใน รวมถึงการลำเลียงผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำไปจำหน่ายยังต่างประเทศอย่างก้าวกระโดด

“ในส่วนของสำนักงานอัยการสูงสุด จะไม่ยอมให้กลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายรอดเงื้อมมือของการบังคับใช้กฎหมายไปได้ และจะบังคับใช้กฎหมายคนพวกนี้ให้ถึงที่สุด” นายโกศลกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน ศาลอาญามีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตนายตัน ฮุน เซียน ชาวมาเลเซีย (Tan Hun Seon) อายุ 65 ปี กับนางวิไลพรรณ เพชรทอง อายุ 67 ปี ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภทหนึ่งคือยาบ้าไว้ในครอบครอง และพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตนาย เชิง มิ ซู (Cheng Mi Hsu) หรือรู้จักในชื่อ จิมมี่ ชาวไต้หวัน อายุ 70 ปี และนางวิภารัตน์ กานดี อายุ 51 ปี เนื่องจากรับสารภาพและให้การเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยถึงแนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติดว่า ยังคงมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะยาบ้า ยาไอซ์ กัญชา โดยสถิติการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญที่มีของกลางเป็นยาบ้าจำนวนมากถึงล้านเม็ดยังคงมีต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มผู้ค้ารายใหม่ รายใหญ่ และรายย่อยเกิดขึ้นทดแทนตลอดเวลา ทำให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติดยังคงไม่ได้ลดระดับความรุนแรงลง ขณะที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง

“รอบนี้จับได้ 14.8 ล้านเม็ด เชื่อว่าการลับลอบขนยาฯ ครั้งหน้าอาจจะมีจำนวนมากถึง 30 ล้านเม็ดก็ได้ เพราะนายทุนได้รับความเสียหายจากการจับกุมยึดของกลางในครั้งนี้ ก็จะส่งยาจำนวนมากขึ้นเพื่อทดแทน” พ.ต.อ. ดอย วงศ์พุ่ม รองผู้บังคับการ กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บช.ปส. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม

ข้อมูลจากฝ่ายยุทธศาสตร์ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดระบุว่า ในปีงบประมาณ 2561 (1 ต.ค. 2560–20 ส.ค. 2561) จับกุมคดียาเสพติดในทุกข้อหาได้ 1,815 คดี โดยสามารถยึดของกลางเป็นยาบ้าได้ถึง 48,824,449 เม็ด ยาไอซ์ 5,314.30 กิโลกรัม เฮโรอีน 626.81 กิโลกรัม โคเคน 100.92 กิโลกรัม และกัญชาแห้งอีก 9,374.46 กิโลกกรัม โดยยาเสพติดทั้งหมดมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,171,176,900 บาท

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง