เครือข่ายกัญชาบุก สธ. ค้านนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด
2024.05.16
กรุงเทพฯ
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เข้ายื่นต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ด้านนายสมศักดิ์ ยังยืนยันเจตนารมณ์ที่จะให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ประเภท 5 และให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ระบุว่า เครือข่ายฯ ได้เสนอให้ สธ. ทบทวนการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด และต้องการให้ สธ. วิเคราะห์เครื่องมือในการควบคุมกัญชาว่า จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด หรือจะมีกฎหมายควบคุมการใช้
“หากนำกัญชากลับคืนเป็นยาเสพติด ประชาชนจำนวนมากที่ปลูก และทำร้านกัญชาจะได้รับผลกระทบ 1 ล้าน ใบอนุญาตปลูก และ 10,000 กว่าใบอนุญาตขาย หากรัฐบาลทำเช่นนั้นจะเกิดความเสียหายมาก ล่าสุดผู้ประกอบการทั่วประเทศจะรวมตัวกันในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ไปยื่นหนังสือและเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล” นายประสิทธิ์ชัย ระบุ
นายประสิทธิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ข่าวเสื่อมเสียที่เกี่ยวกับกัญชาในช่วงที่ผ่านมา หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงจะพบว่า แท้จริงแล้วหลายกรณีไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเสพกัญชาตามที่เป็นข่าว
ในวันเดียวกัน กลุ่มผู้ปลูกกัญชาและผู้ประกอบการร้านจำหน่ายกัญชาในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 100 ราย รวมตัวเดินทางไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ขอให้ทบทวนแนวคิดการนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด โดยมีเภสัชกรหญิง นฤมล ขันตีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รับหนังสือ และข้อเรียกร้องจากกลุ่มเครือข่ายฯ
“วันนี้ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่ให้นำกัญชากลับไปเข้าบัญชียาเสพติด เพราะเสียมากกว่าได้ และยังส่งผลกระทบในภาคเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทั้งฟาร์มและร้านจำหน่ายที่ลงทุนไปมากและหลายคนจะต้องตกงานทันที หากกัญชากลายเป็นยาเสพติดอีกครั้ง” ตัวแทนกลุ่มผู้ปลูกกัญชาและผู้ประกอบการร้านจำหน่ายกัญชาในจังหวัดเชียงใหม่ ระบุ
เครือข่ายกัญชา เรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้า พรบ. กัญชา พร้อมกับตั้งกรมกัญชามาเป็นหน่วยงานโดยตรงในการควบคุมตามกฎหมาย นอกจากนี้ เสนอให้กำหนดโซนนิ่งสำหรับการใช้กัญชาให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดมาตรฐานทั่วประเทศ
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังสงสัยว่าทำไมสังคมเกิดความสับสน หากจะพิจารณาให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพราะแต่เดิมกัญชาก็เป็นยาเสพติดมาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามยินดีที่จะรับหนังสือและข้อเสนอของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ไปพิจารณาอย่างละเอียด
"เรื่องกัญชา ผมได้ยินมาตลอดว่าให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และหากใช้เรื่องสุขภาพไปเชื่อมโยงเศรษฐกิจได้ก็ยิ่งดี แต่เหตุผลไม่ใช่สำหรับสันทนาการแน่นอน ในความคิดผม ถ้ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ก็ต้องนำไปใช้ทางการแพทย์ ผมยังยืนยันเรื่องนี้" รมว.สธ. กล่าว
ดร.นพ. วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขอให้เครือข่ายกัญชาสบายใจได้ว่า หนังสือและข้อเสนอของเครือข่ายที่ยื่นเข้ามาจะถูกนำไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วน นอกจากนี้ สธ. มีแนวทางเรื่องกัญชาที่มุ่งเน้นปกป้องสุขภาพของประชาชน ไม่ใช่ปกป้องผลประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน
ที่ผ่านมา นพ. สมนึก ศิริพานทอง ประธานสมาคมเซลล์บำบัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยกัญชา เคยให้ความเห็นว่า รัฐควรใช้แนวทางการออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา แทนที่จะดึงกลับไปขึ้นบัญชียาเสพติด
“รัฐควรใช้แนวทางออกกฎหมายควบคุม ควรให้ผู้มีใบอนุญาต แพทย์ หรือเภสัชกรเป็นคนสั่งจ่ายกัญชา ไม่ใช่ให้ประชาชนสามารถขายกันเองริมถนน หากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้เพื่อสันทนาการควรจำกัดพื้นที่ และไม่ให้ขายใกล้โรงเรียน การเอากัญชาขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมายย่อมดีกว่าการขายกันใต้ดินมั่ว ๆ แล้วมีสารปนเปื้อน” นพ. สมนึก ระบุ
ก่อนหน้านี้ กัญชานับเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ซึ่งหากครอบครองหรือเสพจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นถึงหนึ่งแสนบาท ต่อมา วันที่ 26 พฤษภาคม 2564 รัฐบาลได้แก้ไข พรบ. ยาเสพติดให้โทษ โดยถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ตามการผลักดันของพรรคภูมิใจไทย
วันที่ 5 มกราคม 2565 คณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ก็มีมติให้ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม สารสกัดจากกัญชา-กัญชง ซึ่งมีสาร THC มากกว่า 0.2% ยังผิดกฎหมาย
กระทั่งต้นเดือนพฤษภาคม 2567 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่าจะนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด และให้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น