ผู้ลี้ภัยชาวจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ถูกดำเนินคดีอยู่เกินวีซ่าในพัทยา
2023.03.31
กรุงเทพฯ
อัพเดต: 09:18 a.m. EST 23-01-04
ในวันศุกร์นี้ ศาลแขวงชลบุรี พิจารณาคดีผู้ลี้ภัยชาวจีน 28 คน ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ในข้อหาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินอายุวีซ่า ซึ่งชาวจีนกลุ่มนี้อ้างว่าหลบหนีการกดขี่ข่มเหงทางด้านศาสนาในประเทศจีนบ้านเกิด และเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อขอลี้ภัยในประเทศที่สาม เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว
ล่าสุด สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผู้ลี้ภัยชาวจีนเป็นสมาชิกของคริสตจักรโฮลีรีฟอร์มเซินเจิ้น (Shenzhen Holy Reformed Church) หรือที่เรียกว่า คริสตจักรเมย์ฟลาวเวอร์ (Mayflower Church) ถูกปรับในข้อหาและถูกส่งตัวมายังกรุงเทพฯ ในตอนดึกของคืนวันศุกร์ โดยเจ้าหน้าที่นำตัวมายังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต การเดินทาง 2 ชั่วโมงใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง มากกว่าเวลาปกติ เพราะผู้ลี้ภัยพยายามลงจากรถหลายครั้งด้วยกลัวว่าจะถูกนำตัวไปส่งสนามบิน
เบนาร์นิวส์ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ว่า ทั้งหมดอยู่ที่ใด และจะถูกนำตัวไปกักขังที่ ตม.สวนพลูหรือไม่
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า กลุ่มชาวคริสต์ซึ่งมีทั้งหมด 63 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 35 คน ถูกจับกุมเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดี และในเบื้องต้นยังไม่มีแนวโน้มว่าจะถูกส่งตัวกลับจีน
พ.ต.อ. ทวี กุดแถลง ผู้กำกับการ สภ.หนองปรือ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ ได้จับกุมตัวบาทหลวง พาน หย่งกวง และสมาชิกคริสตจักรเมย์ฟลาวเวอร์ รวมทั้งสิ้น 63 คน ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
“ถูกดำเนินคดีเฉพาะผู้ใหญ่ ซึ่งไม่ถึง 60 คน เขาถูกจับข้อหาโอเวอร์สเตย์ คืออยู่ยาวแล้วไม่ไปแสตมป์ต่ออายุวีซ่า” พ.ต.อ. ทวี กล่าว
“ปัจจุบัน ก็ถูกควบคุมตัวไปขึ้นศาลแขวงชลบุรี โทษก็คือ โทษปรับเท่านั้นเอง ก็แล้วแต่ศาลท่านสั่งว่าปรับเท่าไหร่ หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการก็จะถูกคุมตัวอยู่ที่ ตม. (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)” กล่าวเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีอีกนาย กล่าวว่า คนจีนเหล่านี้หนีออกมาจากประเทศจีนเพราะถูกทางการกดขี่คุกคาม
“คนจีนกลุ่มนี้เป็นชาวคริสเตียนที่ลี้ภัยออกมาจากประเทศจีน เพราะถูกกดดันเรื่องศาสนา ซึ่งเขาเคยไปอยู่ที่เกาหลีหลายปี แต่ไม่ได้สถานะผู้ลี้ภัย เลยมาอยู่ที่ไทย และร้องขอสถานะจากยูเอ็นเอชซีอาร์ แต่ก็ยังไม่ได้สถานะ จนเกินอายุวีซ่า... โดยทางเราก็ไม่มีแผนส่งกลับอยู่แล้ว” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้บอกเล่ากับสื่อมวลชนกล่าว
ประเทศไทยไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. 1951 (ปี 2494) เป็นหลักการไม่ผลักดันกลับ อันเป็นหลักการพื้นฐานได้ยืนยันสิทธิของผู้ลี้ภัยที่จะต้องไม่ถูกผลักดันกลับไปยังประเทศที่พวกเขาต้องเผชิญภัยร้ายแรงต่อชีวิตหรืออิสรภาพ
ชาวจีนกลุ่มนี้ ได้หลบหนีจากบ้านเกิดเมืองนอนในปี 2562 โดยเดินทางไปยังเกาะเชจู ของเกาหลีใต้ก่อน ก่อนจะเดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ตามรายงานของ เรดิโอฟรีเอเชีย ภาคแมนดาริน สำนักงานข่าวร่วมเครือเบนาร์นิวส์
นูรี เทอร์เคิล ประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยเสรีภาพทางศาสนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USCIRF) แสดงความวิตกเกี่ยวกับการลี้ภัยของชาวจีนในประเทศไทย
“สมาชิกของคริสตจักรเมย์ฟลาวเวอร์มีความเสี่ยงที่จะถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน ที่ซึ่งพวกเขาจะต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรง รวมถึงการถูกจำคุกและทรมาน” เขากล่าวในทวิตเตอร์ เมื่อวันพฤหัสบดี
องค์กรฟรีดอมเฮาส์ ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าศาสนาคริสต์ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในจีนตั้งแต่ปี 2523 แต่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยทางการจีน
“ทางการจีนเฝ้าติดตามและควบคุมชาวคริสเตียน โดยพยายามบอกให้พวกเขา (บางครั้งก็ใช้กำลัง) เข้าร่วมคริสตจักรที่รัฐบาลอนุมัติ ซึ่งอยู่ในเครือของสมาคม 'รักชาติ' และนำโดยบาทหลวงที่ถูกตรวจสอบทางการเมืองแล้ว” รายงานฟรีดอมเฮาส์ปี 2560 กล่าว
“ผู้นำศาสนาและสมาชิกที่ไม่ยอมลงทะเบียน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางทฤษฎีหรือทางปฏิบัติก็ตาม ย่อมเสี่ยงต่อการที่คริสตจักรหรือโบสถ์ถูกปิด และเผชิญกับการคุมขัง เฆี่ยนตี ไล่ออกจากงาน หรือจำคุก”
กลุ่มศาสนาและสมาชิกกลุ่มศาสนาอื่น ๆ รวมถึงชาวคริสเตียนที่รวมตัวกันตาม “บ้าน” ที่ใช้เป็นโบสถ์ ซึ่งดำเนินการเป็นอิสระจากโบสถ์ที่ถูกรัฐปราบปรามคว่ำบาตร ถูกทำร้ายข่มเหงอย่างรุนแรง ตามรายงานเสรีภาพในโลก ขององค์กรฟรีดอมเฮาส์ปี 2566
ในเดือนตุลาคม บาทหลวงพาน หยงกวง บาทหลวงของคริสตจักรเมย์ฟลาวเวอร์ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยเช่นกัน บอกกับเรดิโอฟรีเอเชียว่า เขากลัวที่จะถูกจับเข้าเรือนจำของ ตม. และสุดท้ายจะถูกส่งตัวกลับไปประเทศจีน
“ผมตกอยู่ในมือพวกเขาไม่ได้ ถ้าพวกเขาหาผมเจอ และจับผมเข้าคุก ตม. พวกเขาก็จะส่งผมกลับประเทศจีน” เขากล่าว
“ผมไม่สมัครใจที่จะกลับไปจีนแผ่นดินใหญ่ และผมจะไม่เลือกฆ่าตัวตาย”
'จีนไม่เคยหยุดคุกคาม'
ในขณะเดียวกัน ดีอานา บราวน์ ชาวอเมริกันซึ่งถูกจับกุมในช่วงสั้น ๆ พร้อมกลุ่มดังกล่าว ตามรายงานสำนักเอพี กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า การต่ออายุวีซ่าสำหรับชาวจีนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เธอบอกกับเอพีว่า เมื่อผู้ลี้ภัยชาวจีนต้องการต่ออายุวีซ่าไทย พวกเขาได้รับแจ้งว่าต้องไปรายงานตัวที่สถานทูตของประเทศตนก่อน
“เรารู้ [ในตอนนั้น] ว่าไม่มีใครสามารถขอวีซ่าได้” บราวน์บอกกับเอพี
“ไม่มีทาง เพราะทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปในสถานทูตจีน พวกเขาจะหายไปเลย เราจะไม่ได้เจอพวกเขาอีก พวกเขาจึงได้หลบซ่อนตัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
บราวน์ เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรในเท็กซัสชื่อ Freedom Seekers International ซึ่งระบุในเว็บไซต์ว่า "อยู่เพื่อช่วยเหลือ 'ทางเลือกสุดท้าย' และคริสเตียนที่ถูกข่มเหงอย่างรุนแรงที่สุดในประเทศที่เกลียดชังและมีข้อจำกัด"
องค์กรฯ กล่าวว่า จะ "เป็นผู้นำในการสร้างชีวิตใหม่ให้กับพวกเขา ในเมืองไทเลอร์ รัฐเท็กซัส"
ฝู ชีจิว ประธาน สมาคมไชนาเอดส์ (China Aid Association) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนคริสเตียนที่มีสำนักงานใหญ่ อยู่ในสหรัฐอเมริกา กล่าวกับเรดิโอฟรีเอเชีย เมื่อวันพฤหัสบดีว่า สมาชิกคริสตจักรคนหนึ่งถูกบังคับให้แจ้งทางการไทยว่า พวกเขาพักอาศัยอยู่ที่ไหน นั่นทำให้มีการตรวจค้นและจับกุมผู้อพยพ ฝู กล่าว
“จากวิธีการปฏิบัติต่อผู้สูญหายรายอื่น ๆ ในอดีต นี่ต้องเป็นมาเฟียของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่อยู่เบื้องหลัง” เขากล่าว
“เราเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดความโหดร้าย เราสามารถจินตนาการได้ว่าหากผู้ใหญ่และเด็กเหล่านี้กลับไปยังประเทศจีน พวกเขาจะต้องถูกจำคุกและถูกกดขี่ข่มเหงทำร้ายอย่างแน่นอน”
ฝู บอกอีกว่า ภัยคุกคามจากทางการจีนก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าสมาชิกคริสตจักรจะหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
“จีนไม่เคยหยุดคุกคาม รวมถึงสมาชิกในครอบครัวถูกลักพาตัว ถูกข่มขู่ และถูกสอบปากคำ” ฝูกล่าว
“แม้กระทั่งในเกาะเชจู พวกเขายังถูกโทรศัพท์และส่งข้อความขู่ จากสถานกงสุลจีนในเกาะเชจู โดยบอกว่าพวกเขาทรยศ ขายชาติ และเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ”