กรุงเทพมหานครประกาศปิดสนามกีฬา สถานที่สาธารณะ
2021.07.23
กรุงเทพฯ
กรุงเทพมหานคร ประกาศปิดสนามกีฬา สถานที่สาธารณะ และร้านตัดผม-เสริมสวย มีผลในวันศุกร์นี้ ท่ามกลางการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่วันละมากกว่าหนึ่งหมื่นราย ติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ในวันศุกร์นี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พบผู้ป่วยรายใหม่ 14,575 ราย รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 438,844 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 114 ราย ยอดสะสมเพิ่มเป็น 3,811 ราย เป็นประวัติการณ์ทั้งสองยอด ขณะที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่าง ๆ 143,744 ราย มีผู้ป่วยล้นเตียงอย่างน้อยสามพัน
“ศปก.ศบค. ได้เสนอแนะให้กรุงเทพมหานครพิจารณาสั่งปิดสถานที่หรือกิจการเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19... ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” กรุงเทพมหานคร ระบุในการประกาศ
สถานที่ที่ต้องปิดการบริหารชั่วคราวประกอบด้วย 1. สนามกีฬาทุกประเภท 2. สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่าง ๆ 3. ลานกีฬา 4. ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม และสถานที่จัดนิทรรศการ 5. ศูนย์การเรียนรู้ และหอศิลป์ 6. ห้องสมุดสาธารณะ 7. พิพิธภัณฑ์ 8. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน 9. ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ร้านทำเล็บ และร้านสัก และ 10. สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา สระว่ายน้ำสาธารณะ
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ จำต้องเลือกจัดลำดับการช่วยเหลือผู้ป่วย
เมื่อวานนี้ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ประกาศไม่ใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วยโควิด-19 หากเข้าหลักเกณฑ์สองในสี่ข้อ เพราะอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่ยังรุนแรงต่อเนื่องมาจากเดือนเมษายน และมีผู้ป่วยรายวันในหลักหมื่นมาหนึ่งสัปดาห์ติดต่อกัน
โรงพยาบาลฯ ระบุว่า สำหรับผู้ป่วยหากไม่ได้มีการระบุด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร ทีมสหสาขาวิชาจะร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบว่า จะมีการใส่เครื่องช่วยหายใจหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ได้แสดงเจตนาล่วงหน้า แพทย์จะไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ หากเข้าหลักเกณฑ์ 2 ใน 4 ข้อ ต่อไปนี้ คือ 1. อายุมากกว่า 75 ปี 2. ป่วยเป็นโรคที่มีค่าคะแนน Charlson Comorbidity Index (CC) มากกว่า 4 เช่น โรคมะเร็งที่มีการแพร่กระจาย และโรคเอดส์ (AIDS) 3. ผู้ป่วยที่มีความเปราะบางระดับปานกลาง, รุนแรง, รุนแรงมาก, อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต หรือ Clinical Frailty Scale (CFS) มากกว่าหรือเท่ากับ 6 และ 4. เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 โรงพยาบาลฯ ได้ประกาศงดรับคนไข้ใหม่ และคนไข้ที่ไม่ได้นัด เนื่องจากเตียงที่มีอยู่กว่า 400 เตียงเต็มแล้ว
ขณะเดียวกัน พญ. อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ระบุว่า ทั่วประเทศกำลังขาดแคลนบุคลากรสาธารณสุข โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ลดปริมาณผู้ที่รอรับการรักษาริมถนนด้วย
“บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขเองก็มีความเป็นห่วง เพราะว่าเมื่อก่อนหน้านี้ เราก็ขอความร่วมมือบุคลากร จากต่างจังหวัดโยกมาช่วย กทม. ปริมณฑล ตอนนี้ หลายจังหวัดเองก็มีสถานการณ์ที่หนักขึ้น บางที่ระบบเตียงขึ้นไปที่ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ดังนั้นบุคลากรก็ต้องมีการโยกกลับไปดูแลสถานการณ์ในพื้นที่” พญ. อภิสมัย กล่าว
หมอภาคีบุคลากรสาธารณสุขชี้ สถานการณ์วิกฤต
ด้าน นพ. สันติ กิจวัฒนาไพบูลย์ จากภาคีบุคลากรสาธารณสุข กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า การนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ ในไตรมาสที่ 4 อาจช้าเกินไปที่จะแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยปัจจุบัน
“ตอนนี้ ไม่ใช่ค่อนข้างวิกฤต คือ วิกฤตแล้ว ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นทุกวัน มาตรการรัฐก็ดูไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ผู้ติดเชื้อแพร่ไปในชุมชนหมดแล้ว ระบบสาธารณสุขล้มเหลวไปแล้ว รัฐต้องให้คนออกจากบ้านน้อยที่สุด” นพ. สันติ
นพ. สันติ กล่าวอีกว่า ในการใช้ขนส่งสาธารณะต้องมีมาตรการมากกว่าการใส่หน้ากาก โดยให้ระดมใช้ราปิดเทสต์ให้มากที่สุดเพื่อแยกเชื้อ หากใครไม่มีอาการกักตัวที่บ้าน ทำโรงพยาบาลให้พร้อมรับผู้ป่วยที่มีอาการให้ได้มากที่สุด และจัดหา mRNA ให้เร็วที่สุดมากที่สุด และระดมฉีดโดยเร็วที่สุด
ด้าน น.ส. นวพร สุนันท์ลิกานนท์ ศูนย์วิจัยเด็กและเยาวชน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชี้ว่า “สถานการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลบริหารสถานการณ์ล้มเหลวมอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข การจัดหา และกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง
ณ วันศุกร์นี้ มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 15,388,939 โดส เป็นผู้ที่ได้รับครบสองเข็ม 3,583,759 ราย
องค์การเภสัชฯ เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว
นพ. วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า ในวันศุกร์นี้ อภ. และ บริษัท แซดพี เทอราพิวติกส์ ซิลลิค ฟาร์มา ประเทศไทย ได้ลงนามในสัญญาซื้อ-ขายวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท โมเดอร์นา 5 ล้านโดสแล้ว แต่ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าสัญญา ซึ่งจะสามารถจัดส่งมายังประเทศไทย ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปี 2565
สำหรับการจัดสรรนั้น วัคซีนจะถูกส่งให้กับโรงพยาบาลเอกชน 277 แห่งทั่วประเทศ ในปริมาณ 3.9 ล้านโดส ส่วนอีก 1.1 ล้านโดส จะจัดสรรให้ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลรามาธิบดี และศิริราช โดยช่วงที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเปิดให้ประชาชนจองวัคซีนในราคาประมาณ 1,500-1,700 บาทต่อเข็ม
ขณะเดียวกัน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน - 19 กรกฎาคม 2564 มีผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของซิโนฟาร์มแล้ว 615,867 ราย มีผู้ที่ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ 84,775 ราย ซึ่งพบ 769 คน มีอาการไม่พึงประสงค์ตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงปานกลาง เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้
คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ ร่วมรายงาน