สธ. คาดถ้าไม่มีมาตรการคุมโควิด-19 จะมีผู้ติดเชื้อถึง 9 พันคนต่อวัน
2021.04.13
กรุงเทพฯ
ในวันอังคารนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ว่าหากรัฐบาลและประชาชนไม่มีมาตรการป้องกันโรคใด ๆ จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 9 พันคน หรือสิบเท่าของตัวเลขปัจจุบัน
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุขว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หากรัฐบาลและประชาชนไม่ดำเนินมาตรการใดๆ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างมากในอีก 1 เดือนข้างหน้า
“ถ้าเราไม่ทำอะไรในหนึ่งเดือนข้างหน้า ถ้าไม่มีการควบคุมเลย จะมีผู้ติดเชื้ออยู่ประมาณ วันละ 9 พันราย แต่ขณะนี้เรามีการปิดสถานบันเทิง พี่น้องประชาชนร่วมกันควบคุมโรค ตัวเลขขณะนี้ของเราอยู่ที่ประมาณวันละ 9 ร้อยกว่าคน อันนี้เป็นสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่ ถ้าตอนนี้เราลดกิจกรรมการรวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นการชกมวย การวิ่ง ถ้าเราลดกันทั้งหมดตรงนี้ไป เราก็จะลดได้เหลือ 5-6 ร้อยคนต่อวัน ถ้าเรามีการเวิร์คฟอร์มโฮมมากขึ้น เราก็จะลดผู้ติดเชื้อได้เหลือเฉลี่ยไม่ถึง 4 ร้อยคน ล็อกดาวน์เป็นทางเลือกสุดท้าย” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส ชี้ว่า กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์สถานการณ์เป็น 5 กรณี คือ กรณีที่ 1 ไม่มีมาตรการใดๆ คาดการณ์ว่าจะทำให้มีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 9,140 คน และสูงสุดวันละ 28,678 คน กรณีที่ 2 ปิดสถานบันเทิงจังหวัดเสี่ยง และคุมพฤติกรรมบุคคล จะติดเชื้อเฉลี่ย 934 คนต่อวันกรณีที่ 3 ปิดสถานบันเทิงจังหวัดเสี่ยง คุ้มพฤติกรรมบุคคล และลดกิจกรรมรวมตัว จะติดเชื้อเฉลี่ย 593 คนต่อวัน กรณีที่ 4 ปิดสถานบันเทิงจังหวัดเสี่ยง คุมพฤติกรรมบุคคล ลดกิจกรรมรวมตัว และทำงานที่บ้าน จะติดเชื้อเฉลี่ย 391 คนต่อวัน และกรณีที่ 5 ปิดสถานที่เสี่ยง คุมพฤติกรรมบุคคล ลดกิจกรรมรวมตัว มีมาตรการระดับองค์กร และล็อคดาวน์พื้นที่เสี่ยง จะติดเชื้อเฉลี่ย 100 คนต่อวัน
“นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้หลังสงกรานต์ไปหน่วยงานราชการทุกแห่งให้เวิร์คฟอร์มโฮม เต็มรูปแบบ โดยที่จะไม่ต้องเสียในการบริการพี่น้องประชาชน รวมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนเวิร์คฟอร์มโฮมให้มากที่สุดจนถึงสิ้นเดือนเมษา” นพ. โอภาส ระบุ
นพ.โอภาส แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยระบุว่า มีผู้ติดเชื้อยืนยันเพิ่ม 965 ราย เป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการสาธารณสุข 654 ราย เป็นการตรวจหาเชิงรุก 302 ราย และมาจากต่างประเทศ 9 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 34,575 ราย รักษาหายและกลับบ้านแล้ว 28,288 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 6,190 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 97 ราย
วัคซีนซิโนแวค และแอสตราเซเนกา
ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวในการแถลงข่าว ระบุว่า วัคซีนซิโนแวค และแอสตราเซเนกา ซึ่งรัฐบาลนำเข้ามาฉีดให้กับประชาชนในประเทศมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการป้องกันอาการรุนแรงจากโควิด-19 หลังจากถูกโจมตีบนโลกอินเตอร์เน็ตว่า วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้ามีประสิทธิภาพต่ำ
“วัคซีนซิโนแวค ที่มีการวิจัยอยู่ในบุคลากรทางการแพทย์ประเทศบราซิล ที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อมาก เพราะว่าดูแลผู้ป่วยที่เกิดการระบาด และอยู่ในสถานที่ที่เป็นสถานที่ปิด ป้องกันตั้งแต่มีอาการไม่รุนแรงจนถึงมีอาการรุนแรงได้ 50.4 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลนี้ถือว่า พวกเราที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัคซีน และอาจารย์หลายๆท่านก็ให้ความเห็นว่าเป็นวัคซีนที่ดี แล้วก็ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำขององค์การอนามัยโลกป้องกันผู้ป่วยตั้งแต่อาการปานกลาง จนกระทั่งถึงอาการรุนแรง ก็มีประสิทธิผลอยู่ที่ 83.7 เปอร์เซ็นต์ แล้วในกลุ่มที่อาการรุนแรงก็อยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์” นพ.นคร กล่าว
“วัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า วัคซีนยังมีประสิทธิผลในการป้องกันอาการป่วยอยู่ที่ 70.4 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสายพันธุ์ที่เป็นไวรัสกลายพันธุ์ บี 1.1.7 ถ้าเป็นไวรัสที่ยังไม่มีการกลายพันธุ์อยู่ที่ 81.5 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นวัคซีนหลักของเรา ที่มีอยู่ แม้ว่าปฏิกริยาป้องกันลดลงไปบ้าง แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนไม่ได้ลดลงไปด้วย” นพ.นคร กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ถึงปัจจุบันประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 578,532 โดส แบ่งเป็นฉีดเข็มแรก 505,215 คน และเข็มที่สอง 73,317 คน