คนร้ายวางคาร์บอมบ์หน้าบ้านนายอำเภอตากใบ ทหารเจ็บ 2 นาย
2024.09.30
นราธิวาส
คนร้ายใช้คาร์บอมบ์ระเบิดหน้าบ้านนายอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ช่วงดึกวันอาทิตย์ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บ ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า เหตุนี้อาจเกี่ยวกับคดีตากใบที่กำลังจะหมดอายุความ 20 ปี ปลายเดือนตุลาคมนี้
ขณะที่ นายฉัตรชัย บางชวด หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่า คนร้ายฉวยโอกาสก่อเหตุในฤดูกาลที่เจ้าหน้าที่ราชการในพื้นที่กำลังโยกย้ายเปลี่ยนตำแหน่งตามวาระ
พ.อ. เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. ของวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ คนร้ายได้ลอบใช้คาร์บอมบ์ระเบิดที่ หน้าบ้านพักของ ว่าที่ ร.ต. จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอตากใบ หมู่ที่ 3 ใน ต.เจ๊ะเห
“คนร้าย 4-5 คน แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ ปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนข่มขู่เอารถยนต์ยี่ห้อ MG5 สีเทา ของนางสาวมาเรียม ดอเลาะ และซุกซ่อนระเบิดไว้ภายใน จากนั้นนำมาจอดที่หน้าบ้านพักนายอำเภอตากใบ ก่อนกดระเบิด แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย บ้านเรือนประชาชนโดยรอบได้รับความเสียหาย” พ.อ. เอกวริทธิ์ กล่าว
พ.อ. เอกวริทธิ์ ระบุว่า จุดปล้นรถยนต์ห่างจากจุดเกิดเหตุ 5 กิโลเมตร หลังเกิดเหตุ คนร้ายได้ใช้จักรยานยนต์ที่ติดเครื่องรออยู่แล้วในการหลบหนี สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ที่ถูกนำตัวส่งไปรักษายังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ประกอบด้วย 1. พลทหาร กันตยศ บินหรีม และ 2. พลทหาร อนุวัฒ เหมรา ทั้งคู่เป็นทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ 33
“จากหลักฐาน คนร้ายประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้ากับถังแก๊สหุ้งต้มขนาด 50 กก. ยังไม่ทราบตัวจุดชนวนรอบบริเวณพบชิ้นส่วนของรถยนต์ และระเบิดกระจัดกระจายอยู่ หลังคาของป้อมรักษาการณ์ และรั้วของแฟลตกองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.ตากใบ รวมถึงหลังคา และกระจกของบ้านพักของชาวบ้านได้รับความเสียหาย” พ.ต.อ. ดิเรก โฉมยงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ทั้งขณะเกิดเหตุ ว่าที่ ร.ต. จิรัสย์ นายอำเภอตากใบ ไม่ได้อยู่ในบ้านพัก เนื่องจากเดินทางไปทำธุระในตัวจังหวัดนราธิวาส จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
ด้าน น.ส. มาเรียม เจ้าของรถที่คนร้ายปล้นไปก่อเหตุนั้น มีสามีเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพราน สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4803 หลังเกิดเหตุ น.ส. มาเรียมได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ตากใบว่า รถยนต์ของตนเองถูกปล้นจากหน้าบ้านพัก แต่ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย
หลังเกิดเหตุ พล.ท. ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการห้ามเจ้าหน้าที่เข้าใกล้จุดเกิดเหตุ เพราะกลัวการก่อเหตุซ้ำ ขณะที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เตรียมพร้อม และเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ
“ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความรุนแรงในพื้นที่ มีการประชุมวางแผนหลายครั้งหลายจุด เพื่อเตรียมก่อเหตุโจมตีครั้งใหญ่ในช่วงก่อนครบรอบ 20 ปี คดีตากใบ ซึ่งลักษณะการก่อเหตุทราบว่า จะใหญ่กว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยมีการแบ่งกลุ่มคนร้ายจากฝั่งไทย และจากประเทศเพื่อนบ้าน ระดมสมาชิกจากหลายพื้นที่” พล.ท. ศานติ กล่าว
รมว. กลาโหมเชื่อ อาจเกี่ยวกับคดีตากใบ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายฉัตรชัย รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหัวหน้าคณะพูดคุยฯ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ผู้ก่อเหตุอาจอาศัยช่วงการเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ราชการในพื้นที่ตามวาระปกติ คือ สิ้นเดือนกันยายนของทุกปี
“อาจจะเป็นการก่อเหตุต่อเนื่องจากเหตุที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงทั้งฝ่ายรัฐบาล ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะมีการเปลี่ยนถ่ายผู้ที่มีตำแหน่งใหม่เข้าไปในพื้นที่ จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งในวงรอบ” นายฉัตรชัยกล่าว
ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนได้สอบถาม นายภูมิธรรม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า กรณีที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับ คดีการสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งกำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมที่จะถึงนี้หรือไม่ ซึ่งนายภูมิธรรมเชื่อว่า มีความเป็นไปได้
“เป็นได้อยู่แล้ว (เชื่อมโยงกับคดีตากใบ) เพราะคดีตากใบตอนนี้ก็เป็นคดีที่กำลังอยู่ในความสนใจของทุกส่วน เนื่องจากคดีจะยุติในวันที่ 25 นี้ แต่ว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผู้ที่ถูกกล่าวหาจะได้รับการพิสูจน์ตัวเองในศาล” นายภูมิธรรม กล่าว
คดีตากใบ แบ่งออกเป็นสองสำนวนคดี คือ สำนวนแรกซึ่งมีญาติของผู้เสียหายกรณีตากใบ 48 คน เป็นโจทก์ฟ้องเมื่อเดือนเมษายน 2567 ให้เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกรณีตากใบ เจ็ดคน และหนึ่งในนั้นคือ พล.อ. พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งปัจจุบันเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
โจทก์ฟ้องเอาผิดเจ้าหน้าที่ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยทารุณโหดร้าย, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และเสรีภาพ, หน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ศาลนัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 แต่จำเลยไม่ได้เดินทางมาศาลตามนัด ทำให้จำเลยถูกออกหมายจับทุกคน ยกเว้น พล.อ. พิศาล ซึ่งถูกออกหมายเรียก เนื่องจากมีสถานะเป็น สส. และอยู่ระหว่างสมัยประชุม โดยล่าสุดฝ่ายโจทก์กำลังทำเรื่องขอให้ศาลออกหมายจับ พล.อ. พิศาล เพื่อนำตัวมาขึ้นศาลตามนัดครั้งที่สองวันที่ 15 ตุลาคมนี้
“ผมเองก็อยากให้ทุกอย่างมันจบลงในศาล เพื่อให้สิ้นสุด แต่เรื่องนี้เราไม่ทราบว่าแต่ละท่านมีเหตุผลอะไร เจ็บป่วยหรือยังไงก็ตาม ส่วนว่าเราจะไปทำอะไรได้มากแค่ไหน เราก็ไม่อยากไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเขาได้ เราก็พยายามจะสืบหาเพื่อที่จะส่งข่าว แต่ว่าขณะนี้ ก็ได้ส่งข่าวทางสาธารณะแล้วกันว่า ถ้าเป็นไปได้ก็มาทำให้มันจบซะ” นายภูมิธรรม ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าว
สำหรับ สำนวนที่สอง เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา อัยการสูงสุด (อสส.) ได้สั่งฟ้องทหารและพลเรือนแปดรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการหลังการสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ โดยอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
นนทรัฐ ไผ่เจริญ ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน