คนร้ายปล้นรถทำคาร์บอม หมายระเบิด สภ.รามัน
2021.03.12
ปัตตานี
ในวันศุกร์นี้ พลตำรวจตรี ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าวว่า ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนปล้นชิงรถกระบะส่งของ ของพนักงานบริษัทเคอรี่ เพื่อทำคาร์บอมบ์ หมายระเบิดสถานีตำรวจรามัน จังหวัดยะลา แต่เจ้าหน้าที่ค้นพบรถคันดังกล่าว และทำลายระเบิดน้ำหนักรวม 60 กิโลกรัมได้เสียก่อน โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนวันครบรอบ 61 ปี ของการก่อตั้งขบวนการบีอาร์เอ็น
พล.ต.ต.ทินกร กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้ายจำนวน 5 คน ใช้อาวุธปืนพก จี้ศีรษะนายบัยฮากี หลงลูวา เพื่อปล้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ แบบตอนเดียว สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน บฉ 3897 ยะลา ช่วงกระบะหลังมีตู้ปิดทึบ ซึ่งเป็นรถส่งของบริษัทเคอรี่ จากบริเวณแยกปารามิแต บ้านรั้วตะวัน หมู่ที่ 7 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา และต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ บริเวณด้านหลัง สภ.รามัน ในพื้นหมู่ที่ 1 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา ใกล้กับแฟลตของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ติดกับที่ว่าการอำเภอรามัน จึงตรวจสอบและทำลาย
"ได้เข้าตรวจสอบพบว่า มีถังแก๊สปิกนิก สีส้ม-เขียว วางไว้ในรถ 2 ลูก จุดระเบิดแบบตั้งเวลา ส่วนนอกรถ ระเบิด แบบกระป๋องสเปรย์ ลูกเล็ก 1 ลูก จึงได้ยิงทำลาย" พลตำรวจตรี ทินกร กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
พ.ต.อ.ปรเมษฐ์ พลับพลึง ผกก.สภ.รามัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนสั่งให้กำลังเจ้าหน้าที่ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ และประสานเจ้าหน้าที่ชุด EOD เข้าดำเนินการตรวจสอบ พบเป็นวัตถุระเบิดที่บรรจุใส่ในถังปิกนิก ขนาด 15 กก. จำนวน 3 ถัง น้ำหนักรวมราว 60 กิโลกรัม โดยคนร้ายได้วางไว้ในรถยนต์ จำนวน 2 ถัง ในถังขยะ จำนวน 1 ถัง เจ้าหน้าที่จึงเก็บกู้ ทำให้ไม่มีใครได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายบัยฮากี หลงลูวา คนขับรถ ซึ่งเมื่อแก้มัดเชือกหนีออกมาได้ในภายหลัง ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองยะลา โดยได้เล่าว่า ตนขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเพื่อไปส่งของที่บริเวณแยกปารามิแต บ้านรั้วตะวัน หมู่ที่ 7 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา แต่คนร้ายใช้ปืนจี้หัวและใช้เชือกมัดมือตนเอง
"ขับรถจะไปส่งของบริเวณแยกปารามิแต ขณะกำลังเดินถือของเข้าไปส่งในบ้าน เขาได้ผลักผมเข้าไปภายในบ้าน เขาใช้ปืนพกจี้ที่หัว แล้วเขาจับมัดมือ เขาก็ขับรถออกไป ก็พยายามแกะจนเชือกหลุด จึงเดินทางมาแจ้งความที่นี่” นายบัยฮากี กล่าว
ส่วนประเด็นและสาเหตุ เจ้าหน้าที่ที่ไม่ประสงค์ออกนาม เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ช่วงวันครบรอบ BRN ในวันที่ 13 มีนาคม ในวันเสาร์นี้
ด้าน พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวว่า ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที เพราะความร่วมมือจากประชาชนที่แจ้งเหตุและสิ่งผิดปกติ โดยในห้วงนี้ ผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงมีความพยายามในการกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในพื้นที่ เป็นผลสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่เปิดแผนกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมมีการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ ทำให้มีการโต้ตอบเจ้าหน้าที่
คนร้ายยิง อส. ตายในสายบุรี
เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.เฉลิมชัย เพชรกาศ ผกก.สภ.สายบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสาย 42 หน้าปั๊ม BP ม.10 บ.ลูโบ๊ะซูหลง ต.เตราะบอล อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึง พบรถจักรยานยนต์พ่วงข้างบรรทุกสิ่งของเต็มคัน ไหลลงข้างถนน และใกล้กันพบศพผู้เสียชีวิตนอนคว่ำหน้าอยู่ ทราบชื่อ อส. มูฮำมัดคอยาฟี วาเด็ง อายุ 29 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ อส.ชุดคุ้มครองตำบลบางเก่า อ.สายบุรี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นเข้าที่บริเวณด้านหลัง 2 นัด และศีรษะ 4 นัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือดในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่พบปลอกกระสุนแต่อย่างใด
จากการสอบสวนทราบว่า อส. มูฮำมัดคอยาฟี ได้มาช่วยภรรยาขายของที่ตลาดนัด เนื่องจากวันหยุดพัก ก่อนเกิดเหตุ อส. มูฮำมัดคอยาฟี จึงได้ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันดังกล่าวออกจากตลาดนัด เพื่อจะไปละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายไม่ทราบกลุ่ม จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาประกบ แล้วใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงใส่เข้ากลางหลัง 2 นัด ได้รับบาดเจ็บ ทำให้รถเสียหลักเข้าข้างทาง ก่อนที่ อส. มูฮำมัดคอยาฟี พยายามที่จะหนี คนร้ายได้ลงจากรถและกระหน่ำยิงซ้ำที่ศีรษะอีก 4 นัด อย่างโหดเหี้ยม เสียชีวิตทันที ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งกำลังพิทักษ์เมือง 4 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร อส. และกำลังภาคประชาชน เพื่อกวาดล้างอาชญากรรม และป้องกันเหตุความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้น ในช่วงวันที่ 13 มี.ค. นี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบวันสถาปนากลุ่มบีอาร์เอ็น
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ได้เปิดยุทธการเชิงรุกไปแล้ว ทั้งในเรื่องของการลาดตระเวน ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และมาตรการปิดล้อมตรวจค้น หากได้รับแจ้งข้อมูลจากแหล่งข่าว
“มีข่าวจากกลุ่มแนวร่วมที่ทราบข้อมูลความเคลื่อนไหวของบรรดาผู้ก่อเหตุรุนแรง ระบุว่า มีการเตรียมการเพื่อก่อเหตุบางอย่าง แต่ไม่มีความชัดเจนเรื่องรูปแบบและวิธีการ” พล.ท.เกรียงไกร กล่าว