มติสั่งปลด เนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา
2022.05.18
กรุงเทพฯ
นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ เปิดเผยในวันพุธนี้ว่า ที่ประชุมมีมติให้ปลดนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุดออกจากราชการ หลังจากการสอบวินัยพบว่า นายเนตร ปฏิบัติหน้าที่ไม่รอบคอบทำให้เกิดความเสียหาย จากกรณีสั่งไม่ฟ้องคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส” ทายาทบริษัทกระทิงแดง อย่างไรก็ดีการสอบวินัยไม่พบว่า นายเนตรมีพฤติกรรมทุจริต และเป็นการทำผิดครั้งแรกจึงลดโทษเหลือเพียงให้ออกจากราชการ
นายพชร เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้รับผลการลงมติของคณะกรรมการอัยการ ในช่วงหลังวันหยุดสงกรานต์ เดือนเมษายน 2565 โดยคณะกรรมการที่มีสิทธิลงมติ 8 คน ได้ออกเสียงเป็นเอกฉันท์ในประเด็นดังกล่าว
“กรรมการทั้ง 8 มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า นายเนตร ขาดความระมัดระวังละเอียดรอบคอบในการรับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่สำคัญในคดี… เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ ไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง” นายพชร ระบุ
“แต่ทางสอบสวนไม่ปรากฏพยานหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จึงไม่ถึงขนาดที่จะต้องถูกไล่ออกจากราชการ แต่เห็นพ้องต้องกันว่าควรลงโทษผู้ถูกกล่าวหา ปลดออกจากราชการ… ผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยถูกลงโทษในการกระทำความผิดทางวินัยมาก่อน กรณีดังกล่าวนี้เป็นการกระทำความผิดทางวินัยครั้งแรก ผู้ถูกกล่าวหาเองได้รับราชการมาเป็นระยะเวลานานกว่า 40 ปี ทำคุณประโยชน์แก่ราชการไว้มาก กรณีมีเหตุอันควรลดหย่อนโทษให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา เหลือให้ออกจากราชการ” นายพชร กล่าว
นายพชร ระบุว่า คำสั่งให้ออกจากราชการนี้จะมีผลตั้งแต่ นายเนตรได้ยื่นใบลาออกจากราชการ เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 โดยหากนายเนตรเห็นแย้งกับมติดังกล่าว ยังสามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้วินิจฉัยมติได้ด้วย
ทั้งนี้ ตามระเบียบของราชการ การลาออก ให้ออก หรือปลดออกจากราชการ สำหรับผู้ที่มีอายุราชการเกิน 25 ปี จะทำให้บุคคลดังกล่าวยังคงเลือกรับผลตอบแทนเป็นบำเหน็จ หรือบำนาญได้
คดีบอส อยู่วิทยา
นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส เป็นหลานชายของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดง ตกเป็นจำเลยสืบเนื่องจากในช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. ของวันที่ 3 กันยายน 2555 เกิดเหตุรถยนต์สปอร์ตขับชนรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนทำให้ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่ปราบปราม สน. ทองหล่อ เสียชีวิต หลังจากมีการสอบสวนพบว่านายวรยุทธ เป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าว
กุมภาพันธ์ 2556 พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องนายวรยุทธต่ออัยการใน 7 ข้อหาประกอบด้วย 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถอื่นเสียหาย 2. ขับรถโดยประมาททำให้มีผู้ถึงแก่ความตาย 3. ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล 4. ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย 5. ไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานงานในทันที 6. ขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ 7. ขับรถเร็วกว่าที่อัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งในชั้นสอบสวนนายวรยุทธให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ต่อมา ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการ สำนักงานอัยการได้ออกหมายเรียก นายวรยุทธเข้ารายงานตัว 7 ครั้ง แต่นายวรยุทธได้ให้ทนายความขอเลื่อนนัดออกไป โดยใช้เหตุผลว่า ติดภารกิจในต่างประเทศ ต่อมาอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้มีผู้ถึงแก่ความตาย ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล และไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย
เมษายน 2560 อัยการสูงสุดออกหมายเรียกให้นายวรยุทธ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา แต่นายวรยุทธไม่ไปตามนัด จึงได้มีการออกหมายจับ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สำนักข่าวเอพีได้เผยแพร่ภาพว่า พบนายวรยุทธในบ้านพักที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับผู้สื่อข่าว
ต่อมาคดีทั้งหมดของนายวรยุทธได้หมดอายุความลงระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นอัยการ เหลือเพียงข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความ 15 ปี และจะหมดอายุความ ในวันที่ 3 กันยายน 2570 เพียงข้อหาเดียว
กรกฎาคม 2563 มีการเปิดเผยเอกสาร ซึ่งลงนามโดย พ.ต.ท. ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสอบสวน ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2563 แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว เป็นผลให้คดีที่เกี่ยวกับการขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจของ นายวรยุทธ ทั้งหมดเป็นอันสิ้นสุดลง ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์-วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากประชาชนในสังคม และอินเทอร์เน็ต ถึงกระบวนการพิจารณาคดีดังกล่าว
ต่อมาทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว และ นายเนตร ในฐานะอัยการของคดีได้ยื่นใบลาออกในเดือนสิงหาคม 2563 และกรกฎาคม 2564 อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีของนายวรยุทธใหม่ ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือโคเคน และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามพยานหลักฐานใหม่ ปัจจุบัน คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา ขณะที่นายวรยุทธยังไม่เคยปรากฎตัวอีกเลยหลังจากปี 2560