มาเลเซียเตรียมตั้งข้อหาคนไทยคดีค้นพบหลุมศพ ปี 2558

เรย์ เชอร์แมน และอิลี ชาซวานี
2023.06.22
กัวลาลัมเปอร์ และปะลิส ประเทศมาเลเซีย
มาเลเซียเตรียมตั้งข้อหาคนไทยคดีค้นพบหลุมศพ ปี 2558 ตำรวจมาเลเซียแบกโลงศพที่มีศพของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่ไม่ปรากฏชื่อ ซึ่งพบในค่ายกักกันค้ามนุษย์ ในวังเกอเลียน ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558
โอลิเวีย แฮร์ริส/รอยเตอร์

รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียเตรียมแถลงในวันศุกร์นี้ จากการที่ศาลมาเลเซียจะตั้งข้อหาชาวไทย 4 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการค้นพบหลุมฝังศพเหยื่อมากกว่า 100 ศพ ในค่ายกักกันค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย

คนไทยทั้งสี่ถูกส่งตัวไปยังมาเลเซียเมื่อวันพฤหัสบดี ตามคำร้องขอจากมาเลเซียในปี 2560 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดีการค้นพบหลุมศพเหยื่อค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาและบังกลาเทศในป่าตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย

เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสกล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า ทั้งสี่คนจะถูกตั้งข้อหาลักลอบค้ามนุษย์ โดยนายไซฟุดดิน นาซูติยน อิสมาอิล รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

พวกเขาถูกส่งตัวมาให้เราในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน และจะถูกนำตัวขึ้นศาลเซสชันของเมืองปะลิส เพื่อตั้งข้อหาในวันศุกร์นายไซฟุดดินแถลง

ศาลเซสชันเป็นศาลอาญา หมู่บ้านวังเกอเลียน ในรัฐปะลิส ซึ่งตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมาเลเซีย

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงรายหนึ่ง ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้ชี้แจงกับสื่อ ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้บัญชาการตำรวจปะลิสมีกำหนดจะแถลงข่าวเกี่ยวกับคนไทยในวันศุกร์นี้

ทั้งสี่คนจะถูกตั้งข้อหาลักลอบค้ามนุษย์เขากล่าวกับเบนาร์นิวส์

ในเดือนมกราคม 2558 ทางการมาเลเซียพบหลุมฝังศพหมู่ 139 หลุม และค่ายร้าง 28 แห่ง กระจายอยู่ในบริเวณภูเขาตามแนวชายแดนไทย ในละแวกบูกิตวังพม่า เมืองวังเกอเลียน แต่ต้องรอถึงสี่เดือนถึงจะสามารถขุดศพขึ้นมาได้

โครงกระดูกมากกว่า 100 โครง เชื่อว่าเป็นของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาจากเมียนมา ถูกพบในหลุมฝังศพ ขณะที่กระดูกส่วนอื่น ๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นของผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารจากบังกลาเทศ

หลังจากการค้นพบหลุมฝังศพจำนวนมากที่คล้ายกันนี้ถูกทิ้งร้างโดยผู้ลักลอบค้ามนุษย์บนฝั่งชายแดนไทย เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2558 ประเทศไทยได้ประกาศปราบปรามผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบวิกฤตด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เจ้าหน้าที่พบเรือผู้ลักลอบขนชาวโรฮิงญาสัญชาติเมียนมาและบังกลาเทศเกือบ 3,000 คน ขึ้นเทียบฝั่งมาเลเซียและอินโดนีเซียทันทีทันใด ส่วนผู้นำพาก็ทิ้งเรือและหลบหนีไป หลังจากที่ข่าวค้นพบหลุมฝังศพของไทย กลายเป็นข่าวใหญ่ ทางการมาเลเซียก็แถลงข่าวค้นพบหลุมศพในวังเกอเลียน และเริ่มการเก็บกู้ศพเหยื่อค้ามนุษย์

230622-th-my-Thais-charged-mass-graves2.jpeg

ชายเจ้าหน้าที่รออยู่ท่ามกลางโลงศพจำนวนมากมายของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา ที่พบในค่ายค้ามนุษย์ในวังเกอเลียน ประเทศมาเลเซีย วันที่ 22 มิถุนายน 2558 (โอลิเวีย แฮร์รี่/รอยเตอร์)

รายงานการไต่สวนของคณะกรรมาธิการการสอบสวนของรัฐบาลมาเลเซีย (Royal Commission of Inquiry) ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว พบว่าเจ้าหน้าที่สามารถป้องกันการทรมานและการเสียชีวิตของเหยื่อค้ามนุษย์ได้ หากพวกเขา “ดำเนินการเชิงรุกมากกว่านี้ในการควบคุมชายแดน

พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษในการตรวจจับว่าเกิดอะไรขึ้น ในบูกิตวังพม่า” ข้อความตอนหนึ่งในรายงานของคณะกรรมาธิการการสอบสวนของรัฐบาลมาเลเซีย

คณะกรรมาธิการถือว่า เหตุการณ์ที่วังเกอเลียนเป็นโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นในยุคนี้

จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีชาวมาเลเซียที่ถูกตั้งข้อหาที่เกี่ยวโยงกับการค้นพบหลุมศพหมู่ในปี 2558 มีเพียงชาวต่างชาติสี่คนเท่านั้นที่ถูกตัดสินลงโทษและจำคุก

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย อัยการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 102 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ค้นพบหลุมฝังศพ 32 หลุมที่อยู่บริเวณชายแดนในฝั่งไทย โดยมีผู้เกี่ยวข้องที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทั้งหมด 62 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นทหารยศพลโท ซึ่งกำลังรับโทษจำคุก 82 ปี แต่ได้เสียชีวิตลงแล้ว ขณะถูกจองจำ 2 ปีที่ผ่านมา

'ไม่มีการไต่สวนคดีในฝั่งเรา'

ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียกล่าวว่าความคืบหน้าของคดีเป็นผลจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศมาเลเซียกับไทย โดยมาเลเซียได้ร้องขอทางการไทยให้ส่งคนไทย 10 คน เป็นผู้ร้ายข้ามแดนตั้งแต่ปี 2560 

จากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ บุคคล 4 ใน 10 คน ถูกจับกุมและส่งตัวไปยังศาลไทย เพื่อถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนนายไซฟุดดิน กล่าว

กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเกิดขึ้นที่ศาลหลายแห่งในประเทศไทย รวมถึงศาลอุทธรณ์ของไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคมปีนี้ ที่มีคำสั่งให้ส่งตัวบุคคลทั้งสี่คนไปยังมาเลเซีย

ด้านนายโมห์ด มิซาน โมฮัมหมัด อัสลาม ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรมาเลเซีย ให้ความเห็นว่าควรมีการสืบสวนอย่างแข็งขันมากกว่านี้ในฝั่งมาเลเซีย

ในประเทศไทย ผู้คนจำนวนมากถูกจับกุม เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและจบลงด้วยการถูกจำคุกเขากล่าวกับเบนาร์นิวส์

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งของเรา ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ อย่างจริงจัง ไม่มีการสืบสวนคดีในรูปแบบใด ๆ

ศาสตราจารย์ โมฮัมหมัด อัสลาม ได้เรียกร้องให้ทางการมาเลเซียตามหาตัวคนในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้และคุมขังพวกนั้น

ผมเชื่อว่าหากไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง อาชญากรรมดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้อีก และสร้างสถานที่แบบวังเกอเลียนขึ้นมาอีก

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง