เศรษฐาตั้งเป้าเพิ่มการค้าชายแดนกับมาเลเซียสามเท่า
2023.11.27
ปัตตานี และกรุงเทพฯ
ในวันจันทร์นี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย ได้พบปะหารือกับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ด่านอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อยกระดับการค้าชายแดนให้มีมูลค่าสูงขึ้นเป็นประมาณสามเท่าตัวภายในปี 2568
นายเศรษฐา ได้พบกับนายอันวาร์ ในเวลาก่อนเที่ยงของวันนี้ ที่สำนักงานด่านศุลกากรสะเดา (แห่งใหม่) โดยเป็นการต่อยอดการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา
“การเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งที่ผ่านมา ผมและท่านนายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียเห็นตรงกันว่าทั้งสองประเทศมีศักยภาพในการค้าขายระหว่างกันมากกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้น การพบกันที่สงขลารอบนี้ ผมจึงตั้งใจผลักดันให้ตัวเลขการค้าระหว่างกันสูงขึ้นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ภายในปี 2025 (พ.ศ. 2568) โดยเฉพาะอย่างยิ่งมูลค่าการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย” นายเศรษฐา ระบุผ่านบัญชีเอ็กซ์
ในปีที่ผ่านมา ไทยและมาเลเซียมีมูลค่าการค้าประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลไทยในสมัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้วางเป้าหมายการค้าระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายกรัฐมนตรีของสองประเทศ ลงตรวจเยี่ยมพื้นที่จุดเชื่อมรอยต่อถนนด่านสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย โดยฝั่งไทยอยู่ระหว่างการรื้อถนนเดิม มีระยะทางรวม 850 เมตร และก่อสร้างถนนใหม่ระยะทาง 575 เมตร มีความกว้าง 4 ช่องจราจรส่วนทางมาเลเซีย มีระยะทาง 380 เมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
นายเศรษฐา ระบุว่า ตนได้ขอให้ฝ่ายมาเลเซียเร่งรัดโครงการความเชื่อมโยงบริเวณชายแดนนี้ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน โดยกำหนดกรอบเวลาการดำเนินสองโครงการให้แล้วเสร็จ คือ หนึ่ง ถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ จังหวัดสงขลา-ด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดาห์ ให้เสร็จในปี 2568 และ สอง สะพานสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส-รันเตาปันยัง แห่งที่สอง รัฐกลันตัน ให้เสร็จในปี 2569
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ ได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน 4 ด้านคือ ด้านการค้า ฝ่ายไทยมีแนวทางความร่วมมือโดยสรุปคือ 1. ขอให้มาเลเซียเป็นเจ้าภาพประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Commission - JTC) ในระดับรัฐมนตรีพาณิชย์ 2. ขอให้มาเลเซียช่วยเร่งรัดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย (MOU on Cross-Border Transport of Goods) โดยประเด็นเรื่องการข้ามพรมแดน และ 3. ขอให้ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหอการค้าในระดับท้องถิ่นของทั้งไทยและมาเลเซีย
ด้านการท่องเที่ยว ไทยยกเว้นการยื่นแบบฟอร์ม ตม.6 ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 31 เมษายน 2567 เพื่อความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย
“ด้านการเกษตร รัฐบาลไทยมีแผนจัดตั้งกรมฮาลาล ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมโดยจะมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานของมาเลเซีย เพื่อพัฒนาความร่วมมือทางด้านอาหารฮาลาล รวมถึงการกำหนดมาตรฐานและความถูกต้องของสินค้าและอาหารฮาลาลด้วย” เว็บไซต์รัฐบาลไทย ระบุ
ด้านความมั่นคงชายแดน ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่า โดยหวังให้ปัญหาหมดไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 และมุ่งหวังดำเนินโครงการสร้างถนนและสะพานเชื่อมโยงการค้าชายแดนของสองประเทศ
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีไทยยังได้ขอบคุณที่รัฐบาลมาเลเซียที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือตัวประกันไทยในอิสราเอล ซึ่งถูกจับโดยกลุ่มฮามาสไป ณ ปัจจุบันนี้ ฮามาสได้ปล่อยตัวประกันคนไทยแล้ว 17 คน โดยได้ปรับยอดตัวเลขคนไทยที่ยังถูกคุมตัวโดยกลุ่มฮามาสเป็นอย่างน้อย 15 คน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนก่อนหน้า เคยเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และพบกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อหารือข้อตกลงร่วมกันระหว่างสองประเทศที่ทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว
วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน