อัยการสั่งฟ้อง ผกก.โจ้ ข้อหาร่วมกันฆ่าโดยทรมาน
2021.11.15
กรุงเทพฯ
สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงในวันจันทร์นี้ว่า อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ และตำรวจอีก 6 นาย ฐานฆ่าผู้อื่นโดยการทรมาน จากกรณีใช้ถุงคลุมหัวและทารุณกรรม นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิตภายในห้องสอบสวน เมื่อต้นเดือนสิงหาคมนี้
นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษก และอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า หลังจากอัยการได้รับสำนวนฟ้อง คดีอาญาที่ 7/2564 จากพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 วันนี้ อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว
“มีคำสั่งฟ้อง พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล กับพวกรวม 7 คน ทุกข้อหา ทั้ง 4 ข้อหา นอกจากนี้ ทางสำนักงานอัยการสูงสุดเองก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณาคดีนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นคดีสำคัญ อัยการปราบปรามคดีทุจริต 3 ได้รับมอบหมายให้ไปยื่นฟ้อง พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ กับพวก ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเรียบร้อยแล้ว” นายอิทธิพร กล่าว
“ส่วนผลของคดีเป็นยังไง มีกำหนดนัดสืบพยาน ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไร ก็คงจะต้องรอนิดนึงว่า ศาลจะมีคำสั่งรับฟ้อง และกำหนดนัดอะไรยังไง ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดก็จะแถลงให้ทราบต่อไป” นายอิทธิพร ระบุ
ทั้งนี้ อัยการได้สั่งฟ้อง 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1. เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด 2. เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด 3. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยการทรมาน หรือทารุณโหดร้าย และ 4. ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้น หรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น
ซึ่งเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 157, 309 วรรคสอง, 289 (5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 โดยสำหรับ 289 (5) มีโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต มีผู้ต้องหา 7 คน คือ 1. พ.ต.อ. ธิติสรรค์ 2. พ.ต.ต. รวีโรจน์ ดิษทอง 3. ร.ต.อ. ทรงยศ คล้ายนาค 4. ร.ต.ท. ธรณินทร์ มาศวรรณา 5. ด.ต. วิสุทธิ์ บุญเขียว 6. ด.ต. ศุภากร นิ่มชื่น และ 7. ส.ต.ต. ปวีณ์กร คำมาเร็ว โดยหากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง คดีจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้มีคำสั่งผลการไต่สวนการตายของ นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ว่าเป็นการกระทำของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ และพวก โดยคดีที่อัยการสั่งฟ้องนี้มี น.ส. จันทร์จิรา ธนะพัฒน์ มารดาของนายจิระพงศ์ ผู้เสียชีวิต และ พ.ต.อ. สุทธินันท์ คงแช่มดี พนักงานสอบสวน เป็นผู้กล่าวหา
ทั้งนี้ เบนาร์นิวส์ ได้พยายามติดต่อ นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับคดีแต่ไม่ได้รับการตอบรับ
คดีของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ และพวก ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 โดยเฟซบุ๊กเพจ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” เผยแพร่วิดีโอที่ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ และตำรวจนายอื่น ใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะและทรมาน นายจิระพงศ์ จนหมดสติ ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 5 สิงหาคมนี้
ต่อมา พ.ต.อ. ธิติสรรค์ เข้ามอบตัวกับตำรวจที่ชลบุรี ในวันที่ 26 สิงหาคม 2564 หลังมอบตัว พ.ต.อ. ธิติสรรค์ และพวก ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำกลางพิษณุโลก และถูกโอนย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน โดยนอกจากนี้ กรณีของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ และพวก ยังอยู่ในการพิจารณาไล่ออกจากราชการ ของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วย และกรณีทรัพย์สินที่อาจจะมากจนผิดปกติของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังสืบสวนขยายผล โดยหากพบว่ามีมูล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการอายัดไว้
โดยทรัพย์สินของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ประกอบด้วย บ้านมูลค่า 57 ล้านบาท รถ 24 คัน ประเมินราคา 70 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1 ยูนิต 1.5 ล้านบาท ปืน 18 กระบอก 7.2 แสนบาท รวม 131 ล้านบาท มีหนี้สิน 76.63 ล้านบาท ทำให้เหลือทรัพย์สิน ประมาณ 53.4 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากพบว่า ทรัพย์สินทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการทุจริต จะได้มีการอายัดทรัพย์ต่อไป ตามการเปิดเผยของ พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564
ต่อกรณีนี้ ดร. ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ชี้ว่า สังคมจำเป็นที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะตำรวจเป็นผู้กระทำผิดร้ายแรงเสียเอง
“กรณีนี้ มีข้อถกเถียงทางทฤษฎีเยอะว่าเป็นการเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือไม่ได้เจตนาฆ่า หรืออาจมีแนวทางสู้อื่น เช่น การอ้างว่าเป็นโรคไบโพลาร์ ต้องรอดูว่าท้ายที่สุดแล้วศาลจะแจ้งในข้อหาไหน แต่กรณีนี้อาจกลายเป็นแค่ไฟไหม้ฟางอีกครั้ง เช่นเดียวกับจ่าคลั่งที่โคราช (จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา) ซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในลักษณะถาวรหรือในเชิงโครงสร้าง” ดร. ณัฐกร กล่าว
คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ และวิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน