อุ๊งอิ๊งค์เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่

ในวันศุกร์นี้ ที่ประชุมพรรคเพื่อไทย มีมติเลือก น.ส. แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยเจ้าตัวหวังว่าจะนำพรรคเพื่อไทยกลับมายืนเป็นอันดับหนึ่งเหมือนในอดีต หลังจากพ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกลที่เฉือนพรรคเพื่อไทยไปในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ 

น.ส. แพทองธาร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการเลือกตั้งแทนที่ นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ลาออกเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา เพราะไม่สามารถรักษาคำพูดว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมพรรคเพื่อไทยได้เสนอชื่อ นพ. แพทองธาร เพียงผู้เดียว 

พรรคเพื่อไทยที่เคยชนะเป็นที่หนึ่งในการเลือกตั้ง 2554 ด้วยจำนวนที่นั่ง 265 ที่นั่ง แต่กลับเสียท่าให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งในปีนี้ ด้วยจำนวนที่นั่ง 141 ต่อ 151 คะแนน เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะคนรุ่นใหม่นิยมชมชอบพรรคก้าวไกลที่มีจุดยืนเป็นปฏิปักษ์ต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยม 

น.ส. แพทองธาร กล่าวอีกว่า จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้พรรคต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ 

“ทีมคณะบริหารของพรรคเพื่อไทยทีมใหม่นี้ จะต้องถอดบทเรียน ทบทวน การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เพื่อทำให้ดีขึ้น เพื่อที่จะนําพรรคเพื่อไทยของเราให้กลับมายืนอยู่ในใจพี่น้องประชาชนในฐานะพรรคการเมืองอันดับหนึ่งอีกครั้งอย่างยั่งยืน” น.ส. แพทองธาร เปิดเผยหลังทราบผลการลงคะแนนเสียง  

“ดิฉันรู้ดีว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และสําคัญมาก ๆ โดยเฉพาะบริบทของการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุก ๆ วัน แน่นอนค่ะดิฉันมั่นใจว่าเรามีบุคลากรที่มีความสามารถ สั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทยในปัจจุบัน เราจะทำพรรคเพื่อไทยให้พัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน” น.ส. แพทองธาร กล่าว

ด้าน ผศ.ดร. ธัญณ์ณภัทร์ เจริญพานิช สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม กล่าวว่า การที่ นพ. แพทองธาร ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นกลยุทธ์เพื่อการต่อสู้แย่งชิงฐานเสียงจากพรรคก้าวไกล 

“อุ๊งอิ๊งค์เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่มาแข่งกับก้าวไกลแน่ ๆ และก็อาจเพื่อดึงฐานเสียงคนเจนเอ็กซ์ด้วย ซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ มีเสียง มีกำลังซื้อ และกลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ถึงกับเป็นอนุรักษ์นิยมมาก ๆ เพื่อไทยน่าจะเห็นจุดนี้” ผศ.ดร. ธัญณ์ณภัทร์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ 

“แต่นามสกุลชินวัตรก็อาจเป็นดาบสองคมถูกครหาว่าเป็นนอมินีของคุณทักษิณ แต่อีกทางหนึ่ง คุณทักษิณเองก็ต่อรองกับอำนาจเก่าที่เคยอยู่ตรงข้ามกันชัดเจนได้เรียบร้อยแล้ว อุ๊งอิ๊งค์อาจเป็นคนกลางที่เหมาะสมสำหรับเพื่อไทยซึ่งมีคนหลายกลุ่ม และนายทุนรวมอยู่ด้วย” ผศ.ดร. ธัญณ์ณภัทร์ กล่าว 

“เชื่อว่ามูฟนี้ของเพื่อไทยจะสามารถสร้างความนิยมสู้กับก้าวไกลได้ ถ้าปรับกลยุทธ์เข้าหาคนรุ่นใหม่ เนื่องจากในอดีตเพื่อไทยไม่เคยมียุทธศาสตร์ในด้านนี้เลย แนวทางการทำงานออกจะเป็นไปการปกครองเป็นลำดับชั้น เจ้านาย ลูกน้อง ด้วยซ้ำ ถ้าเพื่อไทยเปลี่ยนยุทธศาสตร์และดึงได้ทั้งคนเจนเอ็กซ์ และคนรุ่นใหม่ รวมถึงเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่ไม่ซื่อสัตย์กับประชาชนออกไปให้ได้ เชื่อว่าจะถึงฐานเสียงจากพรรคก้าวไกลได้” ผศ.ดร. ธัญณ์ณภัทร์ กล่าวเพิ่มเติม 

จากนักธุรกิจสู่การเมือง 

การเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 นพ. ชลน่าน ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อรับผิดชอบที่เคยประกาศบนเวทีดีเบตของไทยรัฐทีวีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ว่า “หัวหน้าพรรค ประกาศชัด ไม่ เราไม่จับมือกับพลังประชารัฐ เราไม่มีดีลกับลุงป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ถ้ามีจับมือผมลาออกจากหัวหน้าพรรค” แต่หลังจากนั้นเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพลังประชารัฐร่วมกันเลือก นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี 

การลาออกของ นพ. ชลน่าน ทำให้กรรมการบริหารพรรคทั้งชุดสิ้นสภาพ ต้องมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารชุดใหม่ ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีเพียงชื่อของ นส. แพทองธาร เท่านั้นที่ถูกคาดหมายว่าจะได้เป็นหัวหน้าพรรค ท่ามกลางการสนับสนุนของแกนนำคนสำคัญของพรรค 

น.ส. แพทองธาร ปัจจุบัน อายุ 36 ปี เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท สาขาการจัดการโรงแรมนานาชาติ (International Hotel Management) จากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ (Surrey University) ประเทศอังกฤษ 

น.ส. แพทองธาร เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ด้านบริหารกลุ่มธุรกิจโรงแรม บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และกรรมการบริษัทธุรกิจในเครือ รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เริ่มทำงานในพรรคเพื่อไทยด้วยตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2564 

หลังจากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่ และทำกิจกรรมร่วมกับพรรคมาตลอด และในช่วงต้นปี 2566 ก็ลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงร่วมกับพรรคอย่างสม่ำเสมอจนถูกคาดหมายว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี กระทั่ง 5 เมษายน 2566 เพื่อไทยประกาศให้ น.ส. แพทองธาร เป็น 1 ใน 3 ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ร่วมกับนายเศรษฐา และนายชัยเกษม นิติสิริ 

หลังจากเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนายเศรษฐา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี น.ส. แพทองธาร ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ รองประธานกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รับผิดชอบโครงการ “1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์” ที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง 

การได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของ น.ส. แพทองธาร เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ นายทักษิณ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังกลับประเทศไทยครั้งแรกในรอบ 15 ปี เพื่อเข้ารับโทษจำคุกจากความผิด 1. คดีทุจริตปล่อยกู้บริษัทเอ็กซิมแบงก์ 2. คดีหวยบนดิน และ 3. คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ชินคอร์ป เป็นเวลา 8 ปี ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือจำคุก 1 ปี

คุณวุฒิ บุญฤกษ์ ในเชียงใหม่ และวิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน