กลิ่นอายจีนในปัตตานี เทศกาลผสานพหุวัฒนธรรม

นาวา สังข์ทอง
2024.03.08
ปัตตานี
08 TH-ss00.jpg

ผู้แสดงศิลปะมโนราห์ ขณะลุยไฟเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ในจังหวัดปัตตานี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss1.jpg

การแสดงรำมโนราห์ที่บริเวณหน้าร้านฮ่งหลี เพื่อเป็นการถวายแด่องค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ในวันแห่เกี้ยวใหญ่ ในจังหวัดปัตตานี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss3.jpg

พิธีพรมน้ำมนต์ก่อนการแห่เกี้ยวใหญ่ ผู้ศรัทธาในองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวสามารถเข้าร่วมแห่ได้ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss2.jpg

ขบวนแห่องค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเคลื่อนผ่านไปยังพื้นที่โดยรอบเมืองปัตตานี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss4.JPG

ศิลปะการแสดงมโนราห์ที่จัดแสดงคืนก่อนพิธีลุยน้ำ และลุยไฟ ในจังหวัดปัตตานี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss5.jpg

หญิงชาวมุสลิมขับจักรยานยนต์ผ่านขบวนแห่เกี้ยวเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวในช่วงเช้า หลังเสร็จสิ้นพิธีลุยน้ำ ในจังหวัดปัตตานี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss6.jpg

ภาพถ่ายจากด้านบน ศิษยานุศิษย์ขณะทำพิธีแห่เกี้ยวเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวลอยข้ามแม่น้ำปัตตานี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss7.jpg

ศิษยานุศิษย์ขณะทำพิธีแห่เกี้ยวเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวลอยข้ามแม่น้ำปัตตานี วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss8.jpg

หญิงชาวมุสลิมเข้าร่วมถือป้ายในขบวนแห่ของค์กรห้างร้านที่อยู่ในพื้นที่ปัตตานี วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

08 TH-ss9.jpg

หญิงชาวมุสลิมพนักงานเทศบาลเมืองปัตตานี ทำความสะอาดถนนที่เต็มไปด้วยเศษประทัด หลังขบวนแห่เคลื่อนผ่านไป วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)

ปัตตานี ในสายตาของคนนอกคือ เมืองที่เต็มไปด้วยคนมลายูมุสลิม เป็นจังหวัดหนึ่งในชายแดนภาคใต้ที่มีสถานการณ์ความไม่สงบ แต่เมื่อมองลึกลงไป ที่นี่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ของทั้งชาวไทยมุสลิม ไทยพุทธ และยังมีคนไทยเชื้อสายจีนรวมอยู่ด้วย

ตามประวัติศาสตร์ ชาวจีนอพยพมาอยู่ปัตตานี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยเป็นชาวจีนจากเมืองฮกเกี้ยน โล้สำเภามาขึ้นฝั่งที่จังหวัดสงขลา ก่อนจะเห็นช่องทางการทำการค้าที่ปัตตานี บางส่วนจึงโยกย้ายมาตั้งรกราก ทำให้เกิดตลาดจีนขึ้น และขยายตัวรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยรัชกาลที่ 5 

ถึงปัจจุบัน ปัตตานีจึงมีชุมชนจีนอยู่ถึง 2 แห่งคือ ชุมชนจีนหัวตลาด และชุมชนชิโนโปรตุกีส ถนนฤๅดี

“นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาปัตตานี ทั้งคนมาเลเซีย และคนไทย โดยหากเดินทางโดยเครื่องบินจะมาลงที่สงขลา เพราะใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวมาปัตตานี” นวพร ชัวชมเกตุ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส กล่าว

“ทุกปี ศิษย์ที่ศรัทธาในเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จะกลับมาทำพิธีสมโภชองค์เจ้าแม่ มีการแบกองค์เจ้าแม่ลุยน้ำ-ลุยไฟ งานมักจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์” นวพร ระบุ

ศาลเจ้าเล่งจูเกียง (ศาลเทพเจ้าแห่งความเมตตา) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว คือ สัญลักษณ์ของวัฒนธรรมจีนที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของปัตตานี เนื่องจากเป็นที่เคารพของคนจีนในพื้นที่ และยังมีนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นเดินทางมาสักการะเป็นประจำ

“หลายปีก่อนได้ยินว่า มาอธิษฐานเทพเจ้าที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวแล้วมักจะสำเร็จ ก็เลยมาไหว้ เพื่อให้สุขภาพดี และธุรกิจเจริญรุ่งเรือง แล้วกลับไปบ้านก็สำเร็จตามที่ขอไว้ ทุกปีเลยเดินทางมาไหว้ที่นี่” นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เชื้อสายจีนรายหนึ่งกล่าว

ในทุกปี ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวจะจัดงานสมโภชใหญ่ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 มีการอัญเชิญองค์พระต่าง ๆ ราว 30 องค์ ใส่เกี้ยวแห่ไปทั่วเมือง จึงเป็นวาระสำคัญที่ชาวปัตตานีมักกลับมารวมตัวกัน ซึ่งนอกจากพิธีนี้จะมีคนไทยเชื้อสายจีนเข้าร่วมแล้ว ยังมีคนไทยมุสลิมเข้าร่วมด้วย นับเป็นเทศกาลที่สร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง