สักยันต์และเครื่องรางของขลัง ความเชื่อจากโบราณกาล
2023.09.20
ภาคใต้
ความเชื่อในเรื่องคาถาอาคมเครื่องรางของขลังมีมาตั้งแต่โบราณ โดยมีปรากฏหลักฐานว่ามีเครื่องรางผ้ายันต์เข้ามาในประเทศไทยจากเขมร เมื่อครั้งก่อนพุทธกาล
เดิมคาถาเหล่านี้จารึกไว้บนผ้าที่เรียกว่า “ผ้ายันต์” และพัฒนามาเป็น “เสื้อยันต์” ซึ่งทหารไทยหลายคนสวมใส่เพื่อป้องกันตัวในสนามรบ โดยมีต้นแบบมาจากขอม ในขณะที่ขอมยังครอบครองดินแดนสุวรรณภูมิ เมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว และยังพัฒนามาเป็นการสักยันต์บนร่างกายจนถึงทุกวันนี้
อักขระและลวดลายที่ใช้สักกันนั้นเป็นแบบอักษรขอมและใช้ภาษาบาลีเป็นส่วนใหญ่ คนไทยเชื่อในอิทธิฤทธิ์ของยันต์ และมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับคนที่ถูกยิงในระยะประชิดแล้วกระสุนไม่ทะลุผิวหนัง หรือในเหตุรถชนกันจนมีผู้อื่นตายอย่างน่าสยดสยอง แต่ผู้สักยันต์กลับไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
การสักยันต์ ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องความสวยงามหรือเพื่องานศิลปะอย่างการสักทั่วไป แต่มีจุดประสงค์หลักในเรื่องของความเชื่อทางไสยศาสตร์ เช่น อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ และจะทำให้มีโชคลาภ โดยมีความเชื่อว่ารูปแบบลายสักหรือยันต์แต่ละชนิดจะให้คุณที่ต่างกัน ส่วนผู้ที่ได้รับการสักยันต์จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่แต่ละสำนักกำหนดไว้ เช่น ห้ามด่าบิดามารดา ห้ามลบหลู่ครูอาจารย์ เป็นต้น
เครื่องรางของขลังที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาโดยความรู้ในวิชาไสยศาสตร์ มีมากมายหลายชนิด ได้แก่ ตะกรุด พิสมร ผ้าประเจียด แหวนพิรอด ลูกประคำ เชือกคาด เป็นต้น
ปกติสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องนอกคำสอนของศาสนาพุทธ ถูกจัดอยู่ในประเภทไสยศาสตร์และเป็นที่นิยมกันมาแต่โบราณด้วยคิดว่าพลังหรืออำนาจนั้นมาจากพุทธคุณ
เมื่อมนุษย์เกิดความรู้สึกไม่มั่นคง ไสยศาสตร์เรื่องอำนาจลึกลับจึงกลายเป็นที่พึ่งเพื่อหวังให้ได้สิ่งของต้องประสงค์ ที่ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขทางใจอย่างหนึ่ง