ทะเลใต้กับหายนะที่กำลังคืบคลาน

ในระบบนิเวศ "ถ้าป่าโกงกางคือ หัวใจ หญ้าทะเลก็คือ ปอด"
วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์
2024.01.22
ตรัง
1-environment-seagrass.jpg

ระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ในแหล่งหญ้าทะเล ก่อประโยชน์ต่อชาวบ้านในพื้นที่ให้มีรายได้จากการประมง และช่วยลดการพังทลายของชายฝั่ง จังหวัดตรัง วันที่ 22 ธันวาคม 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

3-environment-seagrass.jpg

ชุมชนชายฝั่งช่วยกันเพาะเลี้ยงและปลูกหญ้าทะเลในพื้นที่เป้าหมายช่วงน้ำลด หวังเพื่อช่วยให้พื้นที่นั้นกลับมาเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำและอาหารให้สัตว์ทะเลได้อีกครั้ง จังหวัดตรัง วันที่ 10 มกราคม 2567 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

5-environment-seagrass.jpg

การขาดความหลากหลายของชนิดพันธุ์หญ้าทะเล ทำให้เต่าทะเลต้องเข้ามาหากินใกล้ชายฝั่ง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเรือชนมากขึ้น จังหวัดตรัง วันที่ 10 มกราคม 2567 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

6-environment-seagrass.jpg

การทำลายพื้นที่ปาไม้ ทำให้ปริมาณตะกอนดินในลำคลองเพิ่มขึ้น เมื่อไหลลงสู่ทะเล ทำให้เพิ่มปริมาณตะกอนในธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อหญ้าทะเล จังหวัดสตูล วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

7-environment-seagrass.jpg

ภาวะโลกร้อนส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร เพิ่มสูงขึ้น ก่อความเครียดในการออกดอกและเมล็ดของหญ้าทะเล จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หญ้าทะเลแห้งตายได้ จังหวัดสตูล วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

8-environment-seagrass.jpg

ป่าชายเลนซึ่งมีหญ้าทะเล มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนในอากาศได้ดีกว่าพื้นที่ป่าปกติมากถึง 4 เท่า สามารถดูดซับคาร์บอนลงไปกักเก็บใต้ดินได้ถึงร้อยละ 50-99 ถือเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญ จังหวัดสตูล วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

9-environment-seagrass.jpg

ปัจจุบันป่าชายเลนกำลังฟื้นตัวจากการช่วยเหลือโดยมนุษย์ที่ร่วมมือกันปลูกขึ้นมาใหม่ จังหวัดสตูล วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

11-environment-seagrass.jpg

พื้นที่ป่าชายเลน และป่าพรุน้ำเค็ม ที่มีหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนในอากาศ จังหวัดสตูล วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 (วัจนพล ศรีชุมพวง/เบนาร์นิวส์)

นับตั้งแต่ปี 2563 ทะเลบริเวณใกล้เกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง และในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างจังหวัดสตูล เกิดปรากฏการณ์หญ้าทะเลเน่าตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากแต่เดิมพื้นที่ดังกล่าว อุดมไปด้วยหญ้าทะเลหลายชนิด สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านในพื้นที่ และนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม เพราะความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้น

ถ้าป่าโกงกางคือ หัวใจ หญ้าทะเลคือ ปอด ระบบนิเวศไม่สามารถขาดสิ่งใดได้ เพราะงานวิจัยระบุว่า ป่าชายเลนสามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าบกถึง 10 เท่า ในขณะที่หญ้าทะเลกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าเขตร้อนถึง 35 เท่าดร. เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ และนักอนุรักษ์ ระบุ

นอกจากทำหน้าที่ฟอกอากาศแล้ว ที่สำคัญไม่แพ้กัน หญ้าทะเลยังเป็นแหล่งอาหารสำคัญของปลา กุ้ง หอย และปู เช่นเดียวกับ เต่าทะเล และพะยูน ผลกระทบที่เกิดขึ้นยังส่งผลถึงชาวบ้านในท้องถิ่น

หญ้าพะยูนลดลง ยืนต้นตายส่งผลให้กุ้ง หอย ปู ปลา ลดลง เมื่อก่อนชาวบ้านเก็บหอยชักตีนไปขายได้เงิน 100-300 บาทต่อวัน ทุกวันนี้ เหลือแต่หอยตัวเล็ก ๆ ชาวบ้านก็ขาดรายได้ เพราะสัตว์น้ำเริ่มหายไป หลังจากหญ้าทะเลเริ่มตายนางรมิดา สารสิทธิ์ ชาวบ้านในพื้นที่เกาะลิบง กล่าว

สมาคมทะเลไทย เปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ว่า สาเหตุที่ทำให้ทรัพยากรทางทะเลของพื้นที่ภาคใต้ลดลงมาจากการใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทำลายสัตว์น้ำตัวอ่อน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ขณะที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยในปี 2561 ว่า จากการสำรวจพื้นที่ใกล้เกาะลิบง พบโลมา 19 ตัว เต่าทะเล 57 ตัว และพะยูน 169 ตัว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง