ศาลพิษณุโลก สั่งคุก 129 ปี ครูละเมิดทางเพศนักเรียน

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2024.12.10
กรุงเทพฯ
ศาลพิษณุโลก สั่งคุก 129 ปี ครูละเมิดทางเพศนักเรียน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และองค์กรเกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบ เนเน่ โมเดลลิ่ง ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ครอบครองสื่ออนาจารเด็ก วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564
ดีเอสไอ

ศาลจังหวัดพิษณุโลก พิพากษาให้จำคุก นายที (สงวนนามสกุล) ครูอายุ 32 ปี ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งกระทำการล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน และครอบครองสื่ออนาจารเพื่อแสวงหาประโยชน์ เป็นเวลา 111 ปี 216 เดือน และให้ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 2.15 ล้านบาท

“นายที มีความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี พรากเด็กไปเพื่อการอนาจาร และครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตัดสินจำคุก 111 ปี 216 เดือน ให้ชดใช้ค่าสินไหมให้เด็กชายผู้เสียหาย 1,500,000 บาท และมารดาผู้เสียหาย 650,000 บาท” กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยในวันอังคารนี้

ดีเอสไอ ระบุว่า คดีนี้เป็นการขยายผลจากกรณีของ นายดนุเดช (สงวนนามสกุล) หรือ “เนเน่ โมเดลลิ่ง” จำเลยอีกคดีซึ่งเมื่อเดือน ก.ค. 2566 ถูกพิพากษาให้จำคุก 121 ปี 358 เดือน และชดใช้ค่าเสียหายให้เหยื่อ 8 ราย เป็นเงิน 2.1 ล้านบาท หลังจากที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าค้นสำนักงานโมเดลลิ่งในพื้นที่ปทุมธานี และพบคลังภาพอนาจารของเด็กกว่า 500,000 ไฟล์

“นายที ซึ่งเป็นครูประจำอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก มีพฤติการณ์สร้างความสนิทสนม กับเด็กซึ่งเป็นนักเรียนของตนเอง และด้วยรสนิยมส่วนตัวจะมุ่งเน้นเป็นเด็กนักเรียนชายในโรงเรียนที่ตนสังกัดอยู่ เพื่อจุดประสงค์ในการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ” ดีเอสไอ ระบุ

DSI ระบุด้วยว่า นายทีมีพฤติการณ์สร้างความสนิทสนมกับเด็กซึ่งเป็นนักเรียนของตนเอง และด้วยรสนิยมส่วนตัวจะมุ่งเน้นเป็นเด็กนักเรียนชายในโรงเรียนที่ตนสังกัดอยู่ เพื่อจุดประสงค์ในการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ โดยการกระทำความผิดส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายในโรงเรียนดังกล่าว และต่อมาได้ย้ายมาประจำที่โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 6 กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี จับกุมดำเนินคดีนายที ได้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564

ด้าน น.ส. มัจฉา พรอินทร์ ผู้อำนวยการองค์กรสร้างสรรค์อนาคตเยาวชน กล่าวกับเบนาร์นิวส์ โดยแสดงความกังวลต่อปัญหาการล่วงละเมิดและแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กที่พบบ่อยครั้ง แต่สังคมไทยยังไม่ตระหนักและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

“เราพบการล่วงละเมิดและแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยตระหนักและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง นี่เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะสถานการณ์จริงอาจเลวร้ายกว่ามาก” น.ส. มัจฉา ระบุ

“กระบวนการเยียวยาที่ดีที่สุดคือ การสร้างการรับรู้ทางเพศในสังคมไทยให้รอบด้านและสากลมากกว่านี้ ที่ผ่านมา เราไม่ได้สอนเรื่องเพศให้เข้าใจ ให้เคารพในมิติทางเพศ เช่น คนไทยเห็นเด็กเล็ก ๆ ก็เข้าไปจับแก้ม จับก้นเด็ก เราอยู่ในวัฒนธรรมที่ล่วงละเมิดเด็ก และเป็นวัฒนธรรมที่ไม่อ่อนไหว ซึ่งมันต้องเปลี่ยน เราไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวเด็ก โดยรวมคือไทยสอนเรื่องเพศเด็กได้ล้มเหลวมาก” น.ส. มัจฉา กล่าวเพิ่มเติม

หลังจากนี้ ดีเอสไอ ระบุว่า จะดำเนินการตรวจสอบและขยายผลเพิ่มเติม เพื่อยืนยันตัวตนของเด็กผู้เสียหายที่ปรากฏในภาพ พร้อมทั้งเร่งสืบสวนและติดตามผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง