ตำรวจตั้งข้อหา แก๊งขนแรงงานต่างด้าวกลับจากมาเลเซีย
2021.01.19
ปัตตานี
ในวันอังคารนี้ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม ผู้บังคับการตำรวจปัตตานี ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหากับคนไทย จำนวน 5 ราย ที่อยู่ในขบวนการขนมนุษย์ ตามความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง และอื่น ๆ จากการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวต้องการเดินทางกลับบ้านเกิดในกัมพูชาและเวียดนาม
พล.ต.ต.จิระวัฒน์ กล่าวว่า ผู้ต้องหารวม 5 ราย ได้แก่ 1. นายอาบูไมโซร์ หะดอเลาะ อายุ 39 ปี 2. น.ส.อาวาดีส ดอเล๊าะ อายุ 18 ปี 3. น.ส.รุสตาวานี สะแลแม อายุ 33 ปี 4. น.ส.สารีนา เจะมะ อายุ 39 ปี และ 5. นายฮารง ดอเลาะ
“ทางเจ้าหน้าที่ได้พาทั้ง 5 ราย เข้าศูนย์กักกันโรค 15 วัน พร้อมทั้งดำเนินคดีทั้ง 5 ราย ประกอบด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.พาคนเข้าเมือง พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด... ทั้งหมดได้เข้าไปกักตัวที่สถานที่กักกันโรคที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รอแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว” พล.ต.ต.จิระวัฒน์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ ยังได้กำชับให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ทั้งบนเส้นทางหลักและเส้นทางรอง เพื่อตรวจสอบคนต่างด้าวที่เชื่อว่าเดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะแรงงาน 4 สัญชาติ ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
ในช่วงเวลาที่ประเทศมาเลเซียได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และได้ปิดประเทศมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้แรงงานต่างด้าว รวมทั้งแรงงงานไทยในมาเลเซียจำนวนมากขาดรายได้ หลาย ๆ คนจึงต้องหาทางกลับประเทศ แม้รู้ว่าจะผิดกฎหมาย และต้องเสียเงินให้แก่นายหน้าก็ตาม
พล.ต.ต.จิระวัฒน์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมแรงงานชาวเวียดนาม และชาวกัมพูชาสองครั้ง ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมจำนวน 52 คน
จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มหนึ่งได้เดินทางมาจาก พอร์ต กลัง (Port Klang) ทางทิศตะวันตกของกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยทั้งหมดประกอบอาชีพ เป็นแรงงานในโรงไฟฟ้าและสถานบริการ ส่วนบุคคลต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา เดินทางมาจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยทั้งหมดประกอบอาชีพ เป็นคนงานกรีดยาง ได้ว่าจ้างนายหน้า ให้นำส่งประเทศเวียดนาม และประเทศกัมพูชา โดยจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าเป็นเงิน 1,000 เหรียญริงกิต และจะจ่ายส่วนที่เหลืออีก 1,000 เหรียญริงกิต เมื่อถึงปลายทาง โดยนั่งเรือข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทางด้านอำเภอตากใบ แล้วเดินทางต่อโดยรถยนต์เข้ามา ในเขตจังหวัดปัตตานี
พล.ต.ต.จิระวัฒน์ กล่าวว่า ในวันที่ 16 มกราคม นี้ เจ้าหน้าที่ตั้งจุดสกัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบเขตรอยต่อ ระหว่าง บ.ไชยา (ดูซงพาลอ) ต.ปะรุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส กับ บ้านกัวลอกาลี ม.8 ต.ตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้ตรวจรถยนต์ต้องสงสัย พบบุคคลต่างด้าว จำนวน 15 คน ประกอบด้วยชาวเวียดนาม 6 คน และชาวกัมพูชา 9 คน ซึ่งใช้พาสปอร์ตปลอมในการเดินทาง และเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ร้อย.ทพ.4202 ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.ยะหริ่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอยะหริ่ง เข้าทำการตรวจสอบบุคคลต่างด้าว ที่บริเวณบ้านดาโต๊ะบีทรีสอร์ท ในตำบลแหลมโพธิ์ หลังจากได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มคนไม่ทราบสัญชาติเข้ามาพัก เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 64 จึงได้เข้าตรวจสอบ พบแรงงานต่างด้าว สัญชาติเวียดนาม จำนวน 17 ราย เป็นชาย 6 ราย หญิง 10 ราย เด็ก 1 ราย และสัญชาติกัมพูชา จำนวน 20 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 7 ราย และเด็ก 4 ราย รวมทั้งสิ้น 37 ราย
ด้าน นายฮารง ดอเลาะ หนึ่งในผู้นำพา กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ตนเองรับจ้างนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาตามช่องธรรมชาติ ซึ่งหลังจากเกิดโควิด-19 ตนเองไม่มีงานทำ รวมทั้งต้องขายกิจการที่มีอยู่อีกด้วย
“เราทราบว่า การกระทำแบบนี้เป็นการทำผิดกฎหมาย แต่เราตกงาน เราไม่มีงานทำ สำหรับเส้นทางเราก็วิ่งทางปกติ แต่หลบด่านโควิดที่ร่มไทร อ.บาเจาะ เราเลยเข้าไปเส้นข้างใน จนกระทั่งมาเจอเจ้าหน้าที่” นายฮารง กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
นายฮารงกล่าวว่า ตนมีหน้าที่ไปรับแรงงานที่ศาลาแห่งหนึ่ง ในอำเภอตากใบ ส่วนที่เหลือไปรับที่นราธิวาส เพื่อเดินทางไปท่าเรือปัตตานีหรือสะพานปลาปัตตานี หลังจากนั้น ตนเองไม่ทราบว่าแรงงานต้องการอะไรต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ไม่ประสงค์ออกนามนายหนึ่ง กล่าวว่า แรงงานทั้งหมดต้องการเข้ามา เพื่อใช้เป็นเส้นทางผ่านกลับบ้าน จากการตรวจสอบกลุ่มแรงงานเวียดนามหลายคน ที่ไปพักที่ดาโต๊ะรีสอร์ทนั้น ทำงานโรงไฟฟ้าหลายคน มีเงินพอสมควร และเขาต้องการกลับบ้านในช่วงโควิด
ส่วนนายเซ็ง เจ๊ะอุเซ็ง เจ้าของดาโต๊ะบีทรีสอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่จับกุมแรงงานต่างชาติ 37 รายนั้น ได้ประกาศหยุดให้บริการชั่วคราว ส่วนห้องที่แรงงานต่างชาติเข้าไปพักนั้น ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อำเภอยะหริ่ง ได้ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแล้ว และระบุว่าแรงงานดังกล่าวเข้ามาพักในช่วงกลางคืน ทำให้ไม่ทราบว่าคนที่มาพักเป็นใครบ้าง โดยได้รับการจองห้องพักจากครอบครัวหนึ่ง ทางรีสอร์ทจึงได้เปิดห้องให้ 5 ห้อง