สหรัฐย้ำแผนสันติภาพเมียนมายังสำคัญ แม้สมาชิกอาเซียนเสียงแตก
2023.07.14
จาการ์ตา
ทางการสหรัฐฯ ย้ำในที่ประชุมอาเซียนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ให้กดดันเมียนมาในการดำเนินการตามแผนสันติภาพของอาเซียนที่ถูกเมินเฉยมาโดยตลอด แม้ว่าสมาชิกในภูมิภาคบางประเทศอาจมีความเห็นต่างกันในการจัดการวิกฤตในเมียนมาก็ตาม
นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ประเทศทั้งหลายต้องกดดันกองทัพเมียนมาให้ปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ประการของสมาคมอาเซียน ระหว่างการพบปะกับประเทศพันธมิตรจากกลุ่มดังกล่าว ในกรุงจาการ์ตา
“เราต้องกดดันรัฐบาลทหารให้หยุดความรุนแรงในเมียนมา ให้ดำเนินการตามฉันทามติ 5 เพื่อสนับสนุนการกลับคืนสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย” นายแอนโทนี บลิงเคนกล่าวในสุนทรพจน์ระหว่างการประชุมกับรัฐมนตรีของประเทศอาเซียนในวันศุกร์นี้
สมาคมอาเซียน ซึ่งมีเมียนมาเป็นหนึ่งในสมาชิก ได้พยายามไกล่เกลี่ยเพื่อยุติวิกฤตในเมียนมา หลังจากกองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และจับกุมนางอองซาน ซูจี ผู้นำพลเรือนเข้าคุก ส่งผลให้ประชาชนเกือบ 3,800 คนเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงหลังรัฐประหาร ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลทหาร
ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อาเซียนได้ออกแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งล่าช้าไปหนึ่งวันหลังจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในวันอังคารและวันพุธที่ผ่านมา โดยรายงานระบุว่า สาเหตุของความล่าช้ามาจากกลุ่มทูตระดับสูงไม่สามารถตกลงกันได้ว่าแถลงการณ์จะกล่าวถึงเมียนมาอย่างไร
นอกจากนี้คำชี้แจงดังกล่าว ยังสะท้อนความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน
เมื่อเดือนที่แล้ว ไทยได้จัดการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารของเมียนมา โดยมีผู้แทนจากสมาชิกอาเซียนคือ บรูไน กัมพูชา ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงอินเดีย และจีน ก็เข้าร่วมด้วย
ที่ผ่านมากองทัพเมียนมาและไทยได้รับการกล่าวขานว่ามีความใกล้ชิดกัน และนายกรัฐมนตรีไทยที่เพิ่งออกจากตำแหน่งก็เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก
ขณะที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนไม่พอใจการประชุมครั้งนั้น จึงไม่เข้าร่วม พร้อมกับสิงคโปร์ และมาเลเซีย
“ความร่วมใจของอาเซียน”
แถลงการณ์ร่วมที่ออกเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า “สมาชิกอาเซียนบางประเทศ” มองว่าการประชุมลับของไทยกับนางอองซาน ซูจี เป็น “การพัฒนาในเชิงบวก”
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์นี้ระบุว่าความพยายามในการแก้ปัญหาวิกฤตเมียนมาต้องสอดคล้องกับแผนฉันทามติ 5 ประการ และการทำงานของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานของอาเซียน
“เรายืนยันในความเป็นหนึ่งเดียวกันของอาเซียน และเน้นย้ำว่าทุกภาคส่วนควรยึดถือฉันทามติ 5 ประการเป็นหลัก และประสานงานกับประธานอาเซียน” ถ้อยแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนระบุ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศของไทย ชี้แจงว่าการประชุมที่ไทยจัดขึ้นนั้นสอดคล้องกับเอกสารอาเซียนฉบับก่อนหน้านี้ ซึ่งเรียกร้องให้มีการสำรวจแนวทางอื่น ๆ เพื่อแก้ไขวิกฤตในเมียนมา
โดยระหว่างการประชุมในวันพุธ นายดอนได้ประกาศว่า เขาได้พบกับนางอองซาน ซูจี ผู้นำพลเรือนของเมียนมาอย่างไม่เปิดเผย ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งชี้แจงว่า การเข้าพบปะครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลทหารพม่าและนางอองซาน ซูจี แล้ว นับเป็นการเคลื่อนไหวที่สร้างความตกตะลึงให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีการรายงานอีกว่า มีบางประเทศที่ไม่เห็นพ้องกับแผนฉันทามติ 5 ประการ แม้ทุกประเทศได้แสดงความเป็นเอกภาพอย่างพร้อมเพรียงกันก็ตาม
นาย ไซฟุดดิน อับดุลละฮ์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียคนก่อน แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ โดยเขาเคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทำลายแผนฉันทามติ 5 ประการ และจัดทำแผนใหม่และระเบียบการบังคับใช้ตามกรอบระยะเวลา
ที่ผ่านมาอาเซียนใช้วิธีการดำเนินการโดยฉันทามติ ซึ่งหมายความว่าการดำเนินการใด ๆ จะต้องได้รับการอนุมัติจากทุกประเทศสมาชิก ในขณะที่มีสมาชิกบางประเทศก็ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการด้วยมาตรการที่รุนแรงขึ้นกับเมียนมา
ดังนั้น นอกเหนือจากการสั่งห้ามรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของอาเซียนทั้งหมด เพราะไม่ยอมรับฉันทามติ 5 ประการ ก็แทบไม่มีความคืบหน้าใด ๆ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564
ฮันเตอร์ มาร์สตัน นักวิจัยด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ระบุว่า แถลงการณ์ร่วมของนักการทูตชั้นนำของอาเซียนสอดคล้องกับความคาดหวังของเขาเป็นส่วนใหญ่
เขาอยากเห็น “อาเซียนเชิญรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) เข้าร่วมเพื่อหักหน้ารัฐบาลทหารเมียนมา แต่คงไม่ได้รับฉันทามติ” มาร์สตัน กล่าวกับเบนาร์นิวส์ โดยอ้างถึงรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของเมียนมา
นอกจากนี้เขายังต้องการเห็น “อาเซียนแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อรัฐบาลทหาร” พร้อมระบุชัดถึงท่าทีของไทยว่า “ยังมีโอกาสที่เราจะเห็นการทูตที่หลอกหลวงไร้มารยาทของไทย” มาร์สตัน ระบุ
ด้าน นักวิเคราะห์การเมืองอีกรายหนึ่ง มูฮัมหมัด วัฟฟา คาริสมา ศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศในกรุงจาการ์ตา คาดหวังว่า แถลงการณ์ร่วมน่าจะออกมาดีกว่านี้
“ฉันได้แต่หวังว่าอาเซียนจะไม่ยอมรับรัฐบาลทหารกลับมาเข้าร่วม โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย” มูฮัมหมัด กล่าวกับเบนาร์นิวส์