ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ บินมาพบ รมว. ต่างประเทศจีนที่กรุงเทพฯ

นักวิชาการชี้ การให้ไทยเป็นพื้นที่เจรจาจะส่งผลดีกับรัฐบาลไทย
ภิมุข รักขนาม นนทรัฐ ไผ่เจริญ และคุณวุฒิ บุญฤกษ์
2024.01.26
กรุงเทพฯ
ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ บินมาพบ รมว. ต่างประเทศจีนที่กรุงเทพฯ เจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซ้าย) ระหว่างการประชุม World Economic Forum ครั้งที่ 54 ในเมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ วันที่ 16 มกราคม 2567 ด้านขวา รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ ปราศรัยที่กรุงปักกิ่ง วันที่ 24 มกราคม 2567
มาร์คัส ชไรเบอร์/เอพี (ซ้าย) และ แอนเดรีย เวอร์เดลลิ/เอพีพูล (ขวา)

นายเจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยจะพูดคุยกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระหว่างวันศุกร์และเสาร์นี้ ด้านนักวิชาการเชื่อว่า ไทยจะได้รับผลดีจากการเป็นพื้นที่กลางในการเจรจาระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ

น.ส. อาเดรียน วัตสัน (Adrienne Watson) โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การพบกันระหว่างตัวแทนระดับสูงของสองประเทศ เป็นการต่อยอดการพบกันของผู้นำของทั้งสองประเทศจากเมื่อปลายปีก่อน

การประชุมครั้งนี้เป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการประชุมสุดยอดวูดไซด์ (Woodside Summit) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ระหว่างนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อรักษาการสื่อสารเชิงกลยุทธ์และจัดการความสัมพันธ์อย่างมีความรับผิดชอบวัตสัน กล่าว

วัตสัน เปิดเผยว่า การพบกันของตัวแทนสองประเทศ เป็นการสานต่อการหารือนอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ซึ่งผู้นำของทั้งสองประเทศพูดคุยกันเป็นเวลา 4 ชั่วโมง โดยตกลงที่จะเปิดสายด่วนประธานาธิบดี เพื่อเริ่มการติดต่อสื่อสารของกองทัพอีกครั้ง และทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมการส่งยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ แต่ทั้งสองประเทศยังเห็นไม่ตรงกันในประเด็นไต้หวัน

เช่นเดียวกัน นายวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ยืนยันการพบกันระหว่าง ซัลลิแวน และอี้ แต่ยังไม่ระบุ วันและเวลาการพบกันที่แน่นอน

240126-th-us-china-bangkok.jpeg

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ซ้าย) พูดคุยกับ นายเจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ วันที่ 26 มกราคม 2567 (สำนักงานโฆษกรัฐบาลไทย/เอพี)

สำหรับการพบกันของ ซัลลิแวน และอี้ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ไทยยินดีที่ได้เป็นพื้นที่พูดคุยของทั้งสองประเทศ และเชื่อว่าการพูดคุยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาค

เราไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรในการพูดคุยครั้งนี้ แต่เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดพื้นที่ให้การพูดคุย และมั่นใจมากว่า การเจรจาระหว่างสองประเทศจะสร้างสันติ และความมั่นคง และความก้าวหน้าให้แก่ประเทศในภูมิภาค และเวทีโลกนางกาญจนา กล่าว

ด้าน ดร. เอียชา การ์ตี นักวิจัยนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชี้ว่า การพบกันครั้งนี้จะเป็นการแสดงศักยภาพทางการทูตของไทย 

นับเป็นการตอกย้ำบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ในฐานะพื้นที่กลางสำหรับการเจรจาของมหาอำนาจ ถ้าดูประวัติศาสตร์ ไทยเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นเจ้าภาพการหารือระดับสูงเช่นนี้ การประชุมในไทยอาจถือเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานะทางการทูต และความสามารถของไทยในการอำนวยความสะดวกให้แก่การพูดคุยระดับโลกที่สำคัญดร. เอียชา กล่าว

ไม่ว่าการเจรจาจะออกมาเป็นแบบใด นับว่าเป็นผลดีกับรัฐบาลของเศรษฐาทั้งสิ้น อย่างน้อยที่สุดไทยจะได้รับผลประโยชน์ในทางอ้อมจากการพบกันของสองชาติในครั้งนี้ คือมันเสริมสร้างสถานะเป็นผู้เล่นที่สำคัญในเวทีการทูตของภูมิภาค และไทยยังสามารถสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่มากขึ้นกับมหาอำนาจเหล่านี้ดร. เอียชา กล่าวเพิ่มเติม 

ซัลลิแวน เข้าพบเศรษฐา

ซัลลิแวน ได้เยี่ยมคารวะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และหารือกับ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความเป็นพันธมิตรระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมายาวนานบนพื้นฐานของค่านิยมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความมั่นคงของมนุษย์ ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญร่วมกัน และได้หารือกันถึงแนวทางในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค อาทิ ความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคง ไซเบอร์และเทคโนโลยีอุบัติใหม่กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผย

คำแถลงทำเนียบขาว สหรัฐฯ ระบุว่า ซัลลิแวนย้ำ ในระหว่างการประชุมว่า สหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน เร่งการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตพลังงานสะอาด กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงเพื่อส่งเสริมอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”

ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะจัดการประชุม Thailand–U.S. Strategic and Defense Dialogue (การประชุม 2+2) ที่กรุงเทพฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ไทย-จีน ลงนามฟรีวีซ่า

นางกาญจนา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายหวัง อี้ จะพบกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี เพื่อประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-จีนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในวันที่ 28 มกราคม 2567

นายปานปรีย์และนายหวังมีกำหนดการลงนามบันทึกความตกลงการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (ฟรีวีซ่า) ระหว่าง 2 ประเทศสำหรับหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไปนางกาญจนา กล่าวในการแถลงข่าววันศุกร์

ก่อนหน้านี้ ไทยเคยใช้นโนบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเป็นการจูงใจนักท่องเที่ยวชาวจีน 

ทั้งนี้ ประเทศไทยและจีนจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 50 ปี ในปี 2568

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง