ผู้อพยพชาวอุยกูร์ยังถูกกักตัว ในกรุงเทพฯ นานนับสิบปี

ทีมข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย
2024.03.11
กรุงเทพฯ
ผู้อพยพชาวอุยกูร์ยังถูกกักตัว ในกรุงเทพฯ นานนับสิบปี ผู้ต้องขังยืนอยู่หลังลูกกรงที่สถานกักตัว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 มีชาวอุยกูร์มากกว่า 40 คน ถูกควบคุมตัวมานานนับสิบปี
เอพี

หลังหลบหนีการกดขี่ข่มเหงของจีน และเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อ 10 ปีก่อน ชาวอุยกูร์กว่า 40 คน ยังคงถูกกักตัวภายในห้องกักตัวที่คับแคบต่อไป โดยไม่อาจรู้ชะตากรรมตนเอง สืบเนื่องจากข้อหาการเดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย ครอบครัวของพวกเขาและกลุ่มสิทธิฯ กล่าวในงานสัมมนา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ไทยและองค์กรพัฒนาเอกชน เผยว่า พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของชาวอุยกูร์กว่า 500 คน ที่หลบหนีออกจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ในประเทศจีน มายังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยหวังจะได้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประเทศตุรกีผ่านทางมาเลเซีย แต่มีเพียง 100 คนเท่านั้น ที่สามารถดำเนินการตามกระบวนการยุ่งยากได้สำเร็จ 

ตั้งแต่ปลายปี 2556 ถึง 2557 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยได้จับกุมชาวอุยกูร์อย่างน้อย 475 คน ซึ่งส่วนใหญ่จับกุมที่สวนยางพารา ในจังหวัดสงขลา และควบคุมตัวพวกเขาไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2557 ตามบันทึกของทางการ

240311-th-uyghur-languish-in-Thai-cells2.jpg

ผู้ต้องสงสัยชาวอุยกูร์ถูกส่งตัวกลับไปยังสถานกักกันเมืองสงขลา ภาคใต้ หลังจากไปเยี่ยมผู้หญิงและเด็กในสถานพักพิงแยกต่างหาก เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2557 (รอยเตอร์)

ชาวอุยกูร์ที่ยังอยู่ในศูนย์กักตัวถือเป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย พวกเขาอยู่ใน “สภาพที่ย่ำแย่” และไม่สามารถสื่อสารกับผู้คนภายนอก รัตติกุล จันทร์สุริยา ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าว พร้อมกับแสดงความกังวลว่า หากมีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตราย

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหาประเทศที่สามหรือจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ที่มีความเหมาะสมให้ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์โดยด่วน” เธอกล่าวในงานสัมมนาที่กรุงเทพฯ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

พร้อมกับให้ข้อเสนอแนะเดียวกันกับรัฐบาลพลเรือนที่มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการตามกฎระเบียบในการคัดกรองคนต่างด้าวที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทาง เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้” เธอกล่าว “ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้ขอลี้ภัย รวมถึงชาวอุยกูร์ด้วย”

เบนาร์นิวส์ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ณ เวลาที่เผยแพร่ข้อมูลนี้ 

ความหวังอันน้อยนิดจากรัฐบาลพลเรือน

ภายใต้การบริหารประเทศของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายพลกองทัพบกที่ขึ้นสู่อำนาจจากการทำรัฐประหาร เมื่อพฤษภาคม 2557 ชีวิตของชาวอุยกูร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

หนึ่งเดือนหลังจากที่ชายชาวอุยกูร์ 109 คน ถูกส่งตัวกลับเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 ได้เกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 ราย เจ้าหน้าที่ไทยเชื่อว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นการตอบโต้จีนที่ขัดขวางไม่ให้มีการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ไปยังตุรกี หลังจากที่มีการรับตัวผู้หญิงและเด็กชาวอุยกูร์มากกว่า 170 คน ไปยังเมืองอังการาก่อนหน้า 

ขณะนั้น สถานทูตตุรกีในกรุงเทพฯ กล่าวยินดีรับชาวอุยกูร์ทุกคน แต่จีนคัดค้าน ทางรัฐบาลจีนยังคงติดตามสถานะผู้ต้องกักอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลไทยเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

แม้จะมีแรงกดดันจากนานาชาติ แต่องค์กรพัฒนาเอกชนไทย กล่าวว่า การโน้มน้าวรัฐบาลให้ปล่อยตัวชาวอุยกูร์ ยังคงเป็นเรื่องยาก

“ชาวอุยกูร์เป็นกลุ่มคนเล็ก ๆ [ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร] แต่จีนยังส่งหนังสือเพื่อติดตามชาวอุยกูร์กับกระทรวงการต่างประเทศของไทยแทบทุกวัน” กล่าว ชลิดา ทาเจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศักยภาพชุมชน องค์กรพัฒนาเอกชนไทยที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ในประเทศไทย

เธอกล่าวว่า การเข้าถึงผู้ต้องกักขององค์กรเอ็นจีโอ และแม้แต่เจ้าหน้าที่ไทยนั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยวางระเบิด 2 ราย เนื่องจากรัฐบาลเรียกเรื่องนี้ว่าเป็น “ประเด็นด้านความมั่นคงที่เป็นความลับสุดยอด”

240311-th-uyghur-languish-in-Thai-cells3.jpg

สถานกักตัวคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเชื่อว่า มีกลุ่มชาวอุยกูร์ถูกกักตัวอยู่ ย่านสาทร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 (เอเอฟพี)

ตามข้อมูลจากสภาอุยกูร์โลก (World Uyghur Congress) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเยอรมนี รายงานว่า มีชาวอุยกูร์อย่างน้อย 5 คน เสียชีวิตขณะถูกกักตัว

รัตติกุล ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะยังคงสนับสนุนข้อเสนอแนะต่าง ๆ ต่อไป

ข้อเสนอแนะดังกล่าว ได้แก่ การกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการขอลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม การจัดให้มีบริการด้านการสนับสนุนทางด้านจิตใจ การอำนวยความสะดวกในการสื่อสารกับบุคคลภายนอก การแจ้งเตือนทันที ในกรณีที่มีการเสียชีวิต รวมถึงการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ภายในสถานกักกัน

นอกจากนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ยังเรียกร้องให้ทางการระบุรายชื่อประเทศที่สาม สำหรับผู้ขอลี้ภัย และดำเนินนโยบาย "ไม่ส่งตัวกลับประเทศ" ในกรณีที่อาจเกิดอันตรายแก่ชีวิตของผู้ต้องกัก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำตอบจากฝ่ายบริหารของเศรษฐาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเหล่านี้

“คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีนโยบายเสรีนิยมกว่านี้ หรือมีนโยบายที่สมดุลในเรื่องนี้ หรือในประเด็นสิทธิมนุษยชนโดยทั่วไป แต่ก็ผิดหวัง ยังไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับการสนับสนุนประเด็นสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยของรัฐบาลชุดนี้เลย” เธอกล่าว

หลังจาก 9 ปี ของการบริหารโดยรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากทหาร พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคหลักในกลุ่มรัฐบาลผสม อาจจะไม่ทำอะไรมากนักในการปรับปรุงการมุ่งเน้นด้านสิทธิมนุษยชนของฝ่ายบริหาร

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองหลายคนเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งสื่อขนานนามว่าเป็น “เซลส์แมน” ที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจ จะมองข้ามประเด็นข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชน

แต่ ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า เศรษฐาจะต้องหยุดยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันจากรัฐบาลจีน

“ไทยควรพูดกับจีนว่า ‘ดูนะ ตามกฎหมายของเรา แล้วก็มาตรฐานสากล เราส่งพวกเขากลับไปไม่ได้’”

เฝ้ารอพ่อ

ในภาพวิดีโอระหว่างการสัมมนาเมื่อวันเสาร์ ชายผู้หนึ่งที่อยู่ในประเทศตุรกี ผู้ซึ่งพ่อของเขายังถูกกักตัวอยู่ในห้องกักที่กรุงเทพฯ กล่าวว่า ไม่มีใครอยากเป็นผู้ลี้ภัย แต่ต้องเป็นผู้ลี้ภัยด้วยความจำเป็น และครอบครัวของเขายังคงเฝ้ารอวันที่จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง

ชายคนดังกล่าว กล่าวว่า พ่อแม่และพี่น้องของเขาถูกกักตัวอยู่ที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2557 ก่อนที่ทุกคนยกเว้นพ่อของเขาจะได้รับการปล่อยตัวให้ไปตั้งถิ่นฐานในตุรกี

“คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราไม่อยู่ที่นี่… เรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่เรากอดเขาไม่ได้” เขากล่าว โดยไม่ประสงค์ออกนามเพื่อปกป้องครอบครัวของตน

“การที่พ่อไม่ได้อยู่ที่นี่กับเรา คือความเจ็บปวดที่ชัดเจนสุดในใจของเรา”

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง